ปรัชญาจาก พระคัมภีร์ไบเบิล
ผู้ที่นำแสงอาทิตย์เข้ามาในชีวิตของผู้อื่น ย่อมไม่สามารถกั้นแสงนั้นจากชีวิตของตนเองได้
บนบานประตูแห่งโอกาส ย่อมมีเขียนว่า "ผลัก" หรือ "ดึง"
คนเราจะมีชัยมิได้ หากไร้การเริ่มต้น
เราดำรงชีวิตอยู่ได้ ด้วยสิ่งที่เราได้รับ แต่เรากลับเป็นผู้มอบชีวิต เมื่อเราเป็นผู้ให้
หัวใจมีความสุขมากที่สุด เมื่อมันเต้นเพื่อคนอื่น
บทเรียนจากการมองดูนาฬิกาก็คือ มันทำให้เวลาผ่านไปก็จริง และทำให้ขยันทำงานตลอดเวลา
ความ อิ่มเอิบใจมิได้หมายความว่าเราได้มาซึ่งสิ่งที่เราต้องการ หากแต่เป็นความพอใจในสิ่งที่เรามีอยู่
ความสามารถจะช่วยให้คนไปถึงจุดสุดยอดของชีวิต แต่อุปนิสัยใจคอต่างหากที่จะช่วยให้เขาอยู่ต่อไปได้ในจุดนั้น
คำพูดคือหน้าต่างที่เปิดให้เห็นหัวใจของท่าน
คนโง่คิดว่าเขารู้ ทุกอย่าง หากท่านไปถกเถียงกับเขา ท่านก็ยิ่งโง่ไปกว่าเขาเสียอีก
หากท่านทำสิ่ง ที่ท่านกลัว ความกลัวก็จะหมดฤทธิ์
ผู้ที่ไม่ให้อภัย คือผู้ที่ทำลายสะพานที่เขาเองจะต้องข้าม
ผู้ที่มีสิทธิ์ในความรักน้อยที่สุด คือผู้ที่ต้องการความรักมากที่สุด
เมื่อพระเป็นเจ้าทรง วัดมนุษย์พระองค์ทรงเอาเทปวัดใจแทนที่จะทรงวัดสมอง
ผู้ที่ไม่ตื่นเต้นกับงานของตน คนเขาเรียกผู้นั้นว่า "คนว่างงาน"
เราจะรู้อุปนิสัยใจ คอที่แท้จริงของคนได้ก็โดยสังเกตุว่าเขาทำอะไร เมื่อไม่มีใครเห็น
ตายพร้อมกับชื่อ เสียงที่ดี ดีกว่ามีชีวิตกับชื่อเสียงที่ใช้ไม่ได้
สะพานที่ท่านจุดไฟ เผาในวันนี้ อาจจะเป็นสะพานที่ท่านจะต้องใช้ข้ามในวันข้างหน้า (จงพยายามสุดความสามารถ ที่จะเจริญชีวิตในสันติกับทุกคน)
ความล้มเหลวมักจะไม่ เกิดขึ้นเพราะเขาขาดพรสวรรค์ แต่เพราะเราขาดความเด็ดเดี่ยว
ใครร่วมวงนินทากับ ท่านผู้นั้นก็จะนำเอาเรื่องของท่านไปนินทาต่อ
ทุกคนควรมีหลุมฝังส่วนตัวเอาไว้เพื่อใช้ฝังความ ผิดของเพื่อนๆและผู้ที่เขารัก
จงเรียนรู้จากความ ผิดพลาดของผู้อื่น แทนที่จะทำผิดเสียเองในทุกเรื่อง
ก้าวแรกที่นำไปสู่ ความฉลาดก็คือความเงียบ ก้าวที่สอง คือการรับฟัง
การคิดเพียงนาทีเดียว มีค่ามากกว่าการพูดยาวถึงหนึ่งชั่วโมง
หากท่านอยากชนะใจเพื่อน จงใช้หูฟังแทนที่จะใช้ปากพูด
อย่าปล่อยให้โอกาส ของท่านที่จะหุบปากผ่านไปได้เป็นอันขาด
สิ่งที่สำคัญมิได้ อยู่ที่ว่า ท่านอุทิศเวลากี่ชั่วโมง แต่สำคัญอยู่ที่ว่าท่านใส่อะไรเข้าไปในชั่วโมงเหล่านั้น
ชื่อเสียงนั้นสร้างขึ้นได้ในพริบตาเดียว แต่อุปนิสัยใจคอนั้น
ต้องใช้เวลาสร้างตลอดชีวิต
ความเชื่อคือการท้าทายให้จิตวิญญาณมองไปยังที่ๆ ซึ่งตามองไม่เห็น
ความเกียจ คร้านและ ความยากจนเป็นญาติกัน
ทุกครั้งที่ท่าน พูด ภาษาคือการแสดงออกซึ่งความคิด ขณะที่จิตใจของท่านก็กำลังเดินขบวนพาเหรดให้ชาวบ้านเขาเห็น
เมื่อทุกอย่างมันวุ่นวายไปหมดก็จงอดใจ อย่าวุ่นวายไปกับมัน
จงลืม ตัวท่าน เพื่อผู้อื่น
แต่ ละวันที่ผ่านไป คล้ายกับกระเป๋าที่มีขนาดเท่ากัน คนบางคนสามารถใส่ ข้าวของเข้าไปในกระเป๋านั้นมากกว่าผู้อื่น
ดังนั้นท่านจงระมัดระวังในการดำเนินชีวิต อย่าให้เหมือนคนไร้ปัญญาแต่ให้เหมือนผู้มีปัญญา จงฉวยทุกโอกาสที่ผ่านเข้ามา
การแต่งงานอาจจะถูกสร้างขึ้นบนสวรรค์ แต่การบรูณะซ่อมแซมต้องอยู่ในโลกนี้ ดังนั้นสามีจงรักภรรยา เหมือนรักตัวท่านเอง และภรรยาก็จงเคารพสามีของตน
คำพูดคือหน้าต่างที่เปิดให้เห็นหัวใจของท่าน
คนที่กำลังจมน้ำ เขาจะไม่มัวบ่นว่าเครื่องชูชีพมันเล็กเกินไป (จงทำสิ่งสารพัด โดยปราศจากการบ่น และการถกเถียงกัน
การเริ่มทะเลาะก็เหมือนกับน้ำที่รั่ว ดังนั้นจึงหยุดเสีย ก่อนที่จะเกิดเรื่องใหญ่
มนุษย์จะตกยาก หากไร้วิสัยทัศน์
มีสองสิ่งที่เป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อหัวใจ นั่นคือการวิ่งขึ้นบันได และการวิ่งทับหัวใจของคนอื่น