พุทธศาสนสุภาษิต: หมวดปัญญา



  • ผู้มีปัญญา พึงรู้ได้ด้วยการสนทนา
  • ปัญญาย่อมเกิดเพราะความประกอบด้วยหลายประการ
  • ปัญญาเป็นรัตนะแห่งนรชน
  • ผู้ไม่ประมาท พินิจพิจารณา ตั้งใจฟัง ย่อมได้ปัญญา
  • ปัญญาไม่มีแก่ผู้ไม่พินิจพิจารณา
  • คนเราจะมองเห็นอรรถชัดแจ้งได้ด้วยปัญญา
  • ผู้มีปัญญาอยู่ครองเรือน เป็นไปเพื่อประโยชน์แก่คนมาก
  • ปัญญาเป็นเครื่องปกครองตัว
  • รู้จักฟัง ย่อมได้ปัญญา
  • พึงวิจัยเรื่องราวตลอดสายให้ถึงต้นตอ
  • ความสิ้นปัญญาย่อมเกิดเพราะความไม่ประกอบ
  • คนเกียจคร้านย่อมไม่พบทางด้วยปัญญา
  • ปัญญา ย่อมเกิดเพราะใช้การ
  • ไม่พึงละเลยการใช้ปัญญา
  • ปราชญ์ว่า ชีวิตที่อยู่ด้วยปัญญา ประเสริฐสุด
  • คนย่อมบริสุทธิ์ด้วยปัญญา
  • ปัญญาเป็นเครื่องวินิจฉัยสิ่งที่ได้เล่าเรียน
  • ปัญญาแล ประเสริฐกว่าทรัพย์
  • ปัญญา เป็นดวงแก้วของคน
  • ปัญญา เป็นแสงสว่างในโลก
  • คนมีปัญญา ถึงแม้ตกทุกข์ ก็ยังหาสุขพบ
  • ความพินิจ ไม่มีแก่คนไร้ปัญญา
  • คนฉลาดกล่าวว่า ปัญญาแลประเสริฐสูงสุด
  • คนย่อมเห็นเนื้อความด้วยปัญญา
  • เมื่อขาดปัญญา ถึงจะมีทรัพย์ ก็เป็นอยู่ไม่ได้
  • ปัญญาประเสริฐกว่าทรัพย์
  • ปัญญาย่อมปกครองบุรุษนั้น
  • ผู้มีปัญญา รู้เนื้อความแห่งภาษิตคนเดียวเท่านั้น ประเสริฐกว่า
  • ปัญญาย่อมเจริญด้วยประการใด ควรตั้งตนไว้ด้วยประการนั้น
  • ราคะ โทสะ ความมัวเมา และ โมหะ เข้าที่ไหน ปัญญาย่อมเข้าไม่ถึงที่นั้น
  • ขาดตาปัญญาเสียแล้ว ก็เหมือนคนตาบอด เหยียบลงไปได้ แม้กระทั่งไฟที่ส่องทาง
  • คนมีปัญญา ถึงสิ้นทรัพย์ ก็ยังเป็นอยู่ได้
  • คนมีปัญญาประเสริฐกว่า คนโง่ถึงจะมียศก็หาประเสริฐไม่
  • คนที่อิ่มด้วยปัญญา ตัณหาจะครอบงำเอาไว้ในอำนาจไม่ได้
  • ปราชญ์กล่าวชีวิตของผู้เป็นอยู่ด้วยปัญญา ว่า ประเสริฐสุด
  • คนมีปัญญาทราม ได้ยศแล้ว ย่อมประพฤติสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์แก่ตน ย่อมปฏิบัติ เพื่อเบียดเบียนทั้งตนและผู้อื่น
  • ถึงสิ้นทรัพย์ ผู้มีปัญญาก็เป็นอยู่ได้, แต่อับปัญญา แม้มีทรัพย์ก็เป็นอยู่ไม่ได้
  • ผู้มีปัญญา ถึงพร้อมด้วยความรู้ ฉลาดในวิธีจัดการงาน รู้กาลและรู้สมัย เขาพึงอยู่ในราชการได้
  • ถ้าพึงเห็นสุขอันไพบูลย์ เพราะยอมเสียสละสุขส่วนน้อย ผู้มีปัญญาเล็งเห็นสุขอันไพบูลย์ ก็ควรสละสุขส่วนน้อยเสีย
  • ปัญญาเป็นเครื่องวินิจฉัยสิ่งที่ฟังแล้ว ปัญญาเป็นเครื่องเพิ่มพูนเกียรติ และชื่อเสียง  คนผู้ประกอบด้วยปัญญาในโลกนี้ แม้ในความทุกข์ก็หาความสุขได้
  • บรรดาความอิ่มทั้งหลาย ความอิ่มด้วยปัญญาประเสริฐ,  ผู้อิ่มด้วยปัญญานั้นย่อมไม่เดือนร้อนด้วยกาม, ตัณหาครอบงำ ผู้อิ่มด้วยปัญญาไว้ในอำนาจไม่ได้
  • คนผู้สดับน้อยนี้  ย่อมแก่ไป  เหมือนวัวแก่ อ้วนแต่เนื้อ แต่ปัญญาไม่เจริญ
  • คนฉลาดกล่าวว่า ปัญญาประเสริฐ  เหมือนพระจันทร์ ประเสริฐกว่าดาวทั้งหลาย แม้ศีลสิริและธรรมของสัตบุรุษย่อมไปตามผู้มีปัญญา
  • ผู้รู้ย่อมสรรเสริญคนมีปัญญา พูดจริง ตั้งมั่นในศีล ประกอบความสงบใจนั่นแล
  • คนโง่ถึงมียศ ก็กลายเป็นทาสของคนมีปัญญา เมื่อมีเรื่องราวต่าง ๆ เกิดขึ้น บัณฑิตจัดการเรื่องใดอันเป็นเรื่องละเอียดก่อน คนโง่ย่อมถึงความหลงใหลในเรื่องนั้น
  • ในเวลาที่ควรลุกขึ้นทำงาน ไม่ลุกขึ้นทำ ทั้งที่ยังหนุ่มแน่น มีกำลัง กลับเฉื่อยชา ปล่อยความคิดให้จมปลัก เกียจคร้าน มัวซึมเซาอยู่ ย่อมไม่ประสบทางแห่งปัญญา
  • เมื่อน้ำใส กระจ่างแจ๋ว ย่อมมองเห็นหอยกาบ หอยโข่ง กรวด ทราย และ ฝูงปลาได้ ฉันใด เมื่อจิตไม่ขุ่นมัว ย่อมมองเห็นประโยชน์ตน ประโยชน์ผู้อื่น ฉันนั้น
  • คนโง่เขลามาประชุมกันแม้ตั้งกว่าพันคน พวกเขาไม่มีปญญา ถึงจะพร่ำคร่ำครวญอยู่ตลอดร้อยปี ก็หามีประโยชน์ไม่ คนมีปัญญารู้เนื้อความแห่งภาษิต คนเดียวเท่านั้น ประเสริฐกว่า
  • สัตบุรุษสรรเสริญปัญญาแน่แท้  คนทั้งหลายชอบทรัพย์สมบัติ จึงใคร่ได้สิริ (ยศ) ก็ความรู้ของท่านผู้รู้ทั้งหลายชั่งไม่ได้ ทรัพย์จึงเกินกว่าปัญญาไปไม่ได้ ไม่ว่ากาลไหน ๆ 
  • คนเขลามียศศักดิ์ ก็เป็นทาสของคนมีปัญญา, เมื่อเรื่องราวต่าง ๆ เกิดขึ้น คนฉลาดจัดการข้อได้แนบเนียน คนเขลาถึงความงมงายในข้อนั้น
  • ผู้ขบคิดปัญหาอันลึกซึ้งด้วยใจ  ไม่ทำกรรมชั่วอันไม่เป็นประโยชน์เกื้อกูลเลย, ไม่ละทางแห่งประโยชน์ที่มาถึงตามเวลา, บัณฑิตทั้งหลายเรียกคนอย่างนั้นว่า ผู้มีปัญญา