ใครกำลังเศร้าใจกับความรัก ควรอ่าน................


เรื่องจาก forward mail

ชายหญิงคู่หนึ่งรักกันมากกก คบกันมา 3 ปี และกำลังจะแต่งงานกัน

ต่อมาไม่นาน......ฝ่ายหญิงแอบไปแต่งงานกับคนอื่น อย่างกะทันหัน
โดยฝ่ายหญิงเองเต็มใจ เมื่อได้ทราบข่าว เขาเสียใจมาก
ร้องไห้กินไม่ได้ นอนไม่หลับ และไม่นานก็ป่วยหนักเพราะตรอมใจ

เวลาผ่านไป ฝ่ายชายป่วยหนักขึ้นเรื่อยๆ และไม่ยอมไปหาหมอ
ขณะที่นอนซมอยู่ที่บ้านนั้น มีหลวงตาแก่ๆผ่านมา

........หลวงตาหยุดอยู่ที่หน้าบ้าน แล้วเคาะประตู
แล้วถามว่า....ในบ้านมีคนป่วยใช่มั้ย อาตมาพอมีความรู้ทางด้านการแพทย์นิดหน่อย
เด็กรับใช้บอก ต้องขอไปถามเจ้านายก่อน...

เจ้านายตอบอย่างตัดรำคาญว่า.....อยากเข้ามา ก็เข้ามา!

เมื่อหลวงตาเข้าไปที่ห้องนอนพบว่า
ชายผู้นี้ นอนอย่างหมดอาลัยตายอยากอยู่บนเตียง
ร่างกายซูบผอมคล้าย......คนครึ่งศพ

หลวงตายิ้ม... แล้วพูดว่าอาการหนักมากเลยนะ

........ชายคนนั้น นิ่งเงียบไม่สนใจในสิ่งที่หลวงตาพูด
หลวงตาบอกว่าไม่เชื่อ ลองมองที่กระจกสิ
ขณะที่หางตาชายไปที่กระจกแต่งตัวในห้องนอน
เขาพบภาพของคนรักอยู่ในนั้น ไม่นานภาพของคนรักก็ค่อยๆจางหายไป
กลายเป็นภาพทิวทัศน์ชายทะเล.....

ที่ชายทะเลแห่งนั้นเงียบสงบ ไม่มีคนผ่านไปมา
และเขาพบว่า มีศพหญิงสาวนอนเปลือยกายอยู่ที่ชายหาด
สักครู่ มีชายคนหนึ่งเดินผ่านมา
เขามองเห็นศพหญิงคนนั้นด้วยความรังเกียจ แล้วเดินผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ต่อมามีชายอีกคนหนึ่งเดินผ่านมา เขามองเห็นศพนั้น
เขาสงสารจึงถอดเสื้อนอกออกมาคลุมร่างของหญิงคนนั้น แล้วเดินจากไป


พักใหญ่ๆอีกเช่นกัน มีชายอีกคนเดินผ่านมา
เขาพบคนนอนมีผ้าคลุมอยู่ จึงเปิดออกดู เมื่อพบว่า เป็นศพ
ด้วยใจสงสาร จึงจะฝังให้เรียบร้อย แต่ก็ไม่มีเครื่องมือจะขุด
เขาจึงตัดสินใจใช้มือทั้ง 2 ข้างๆ ค่อยๆกอบทรายขึ้นมา
เขาทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนเย็นจึงได้ฝังศพผู้หญิงคนนั้น แล้วจากไป

จากนั้นภาพศพหญิงคนนั้น ค่อยๆเปลี่ยนเป็นภาพของหญิงคนรัก

เขาตกใจ สักพัก ก็ปรากฏเป็นภาพชายคนที่ 2
แล้วก็ค่อยๆจางหายไป เหลือแต่เงาของตัวเองในกระจก

ทันใดนั้นหลวงตาพูดว่า ทีนี้เข้าใจรึยัง ศพนั้นคือคู่รักของโยม
ชายคนที่ช่วยฝังศพเธอ จึงผูกวาสนากับเธอหนึ่งชาติ
ชาตินี้เขาและเธอจึงได้แต่งงานกัน


**ส่วนโยมช่วยแค่คลุมศพเธอ จึงผูกวาสนา 3 ปี แล้วตอนนี้ก็ครบ 3 ปี

วาสนาสิ้นแล้วก็ต้องจากกัน......................................

เมื่อชายคนนั้นฟังจบก็กระอักเลือดออกมา เด็กรับใช้ตกใจมาก
หลวงตายิ้มแล้วบอกว่า โยมรอดแล้ว เมื่อกี้โยมกระอักเลือดเอาเลือดเสียออกมาแล้ว ต่อมาไม่นานชายคนนั้นก็ได้ออกบวชในที่สุด

คนเราเจอกัน ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ความสัมพันธ์ พ่อ , แม่ , พี่ , น้อง ,
ญาติ , เพื่อน , ศัตรู , คนรัก มีที่มา


หากวาสนามี ไม่ต้องเรียกร้อง ถึงเวลาเดี๋ยวก็ต้องมาเจอกัน
เมื่อสิ้นวาสนา ก็ต้องจากกัน รั้งยังไงก็ไม่อยู่......


ในตอนยังไม่จากกันนี้ คุณทำได้ทำดีต่อคนของคุณหรือยัง
เพราะถึงเวลาที่ต้องจากกัน ไม่ว่าคุณจะมีเงินหรืออำนาจล้นฟ้า .........

ก็เรียกร้อง กลับคืนมาไม่ได้............... ทำดีต่อกันไว้ .......เพราะไม่รู้ได้ว่า... เราจะต้องจากกันเมื่อไหร่ .

"แอปเปิล"จะรอดหรือไม่ ในวันที่ขาด"จ็อบส์": บทเรียนล้ำค่าจากอดีตยักษ์ใหญ่"โซนี่"

มติชนนออนไลน์.....ขณะที่แฟนๆของแอปเปิลกำลังเศร้าใจกับการสูญเสียสตีฟ จ็อบส์ ผู้สร้างสรรค์นวัตกรรมทางเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของผู้คนทั่วโลก

แต่ในโลกแห่งธุรกิจ เขาได้รับการยกย่องให้เป็นซีอีโอผู้ยิ่งใหญ่ เขาใช้ความสามารถที่ยากที่ใครจะเลียนแบบได้ เพื่อในการทำให้เทคโนโลยีกลายเป็นสิ่งที่สอดคล้องและเป็นหนึ่งเดียวกับการใช้ชีวิตของผู้คน กระทั่งกลายเป็นแบรนด์ระดับนานาชาติ ซึ่งน้อยคนนักในประวัติศาสตร์ที่จะมีความสามารถเฉกเช่นเดียวกับเขา

ในความจริงแล้ว จ็อบส์อาจเป็นคนที่ยากที่จะหาใครทัดเทียมได้ ที่สามารถนำการตลาดแบบหลักแหลมผสมผสานเข้ากับการบริหารที่ไร้ที่ติ และนี่คือเหตุผลว่าทำไม หลายคนจึงเริ่มไม่แน่ใจเกี่ยวกับอนาคตของแอปเปิลเมื่อขาดจ็อบส์

ปัญหาก็คือ แอปเปิลจะยังคงรักษาจิตวิญญาณแห่งสตีฟ จ็อบส์ โดยปราศจาก"สตีฟ จ็อบส์"ได้หรือไม่?

มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน ของบริษัทมือสมัครเล่นที่ไม่เพียงแต่เอาตัวรอด ด้วยฝีมือของผู้ก่อตั้งที่ทรงประสิทธิภาพในขณะที่เขายังมีชีวิตอยู่ แต่ยังคงความรุ่งเรืองแม้ระยะเวลาจะผ่านไปนานเท่าใดก็ตาม "ฟอร์ด" คือตัวอย่างที่ดี แม้ว่า"เฮนรี ฟอร์ด"จะจากโลกนี้ไปนานแล้วก็ตาม "ดิสนีย์" ยังคงดำเนินธุรกิจไปได้อย่างราบรื่น แม้ว่า"วอล์ต ดิสนีย์" จะปรากฏแต่เพียงชื่อก็ตาม

เช่นเดียวกัน แอปเปิลก็จะต้องเดินต่อไป ด้วยการวางรากฐานที่ดีของเขา เพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคในทุกระดับ แม้ไม่มีเสาหลักและตัวแทนในทุกสิ่งของแอปเปิลเช่นจ็อบส์

แต่คำถามที่ยังคงค้างคาอยู่ในใจหลายคนก็คือ แอปเปิลจะยังคงรักษาความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมนี้ต่อไปได้หรือไม่ หลังจากที่ขาดจ็อบส์ ที่ทำหน้าที่เป็นทั้งเบื้องหน้าและแบ็คอัพเรื่อยมา ความสำเร็จของแอปเปิลเกิดจากการเดินนำหน้าคนอื่นหนึ่งก้าวเสมอ แอปเปิลสามารถแก้ไขปัญหาที่ไม่มีใครคิดออกได้ และนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เปลี่ยนวิธีการดำเนินชีวิต และการสื่อสารของผู้คนโดยสิ้นเชิง ซึ่งเป็นเรื่องไม่ง่ายนักสำหรับบริษัทอื่น ที่จะสามารถผลิตสินค้าที่ฮิตได้ หลังจากที่แอปเปิลทำให้ฮิตมาแล้ว และผู้นำบริษัทหลายคนก็ยังคงคิดปริศนาเช่นนี้ไม่ออก

แน่นอนว่า นี่จะเป็นโจทย์ที่ท้าทายสำหรับแอปเปิลเมื่อจ็อบส์จากไป และอาจพูดได้ไม่เต็มปากว่า ทิม คุ๊ก ซีอีโอคนใหม่ของแอปเปิล ที่จ็อบส์ไว้วางใจที่สุด จะนำนาวาที่ชื่อ "แอปเปิล" ฝ่ามรสุมได้อย่างตลอดรอดฝั่งเช่นเดียวกับที่จ็อบส์เคยทำได้หรือไม่

อนาคตของแอปเปิลในปัจจุบัน ทำให้เราย้อนไปถึงบริษัทอิเล็กทรอนิกส์ยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่นอย่างโซนี่ โซนี่ เคยอยู่ในสถานะเช่นเดียวกับแอปเปิลมาก่อน ซึ่งก็คือบริษัทผู้ผลิตสินค้าผู้เปลี่ยนแปลงวิถีการใช้ชีวิตของผู้คนทั่วโลก ครั้งแล้วครั้งเล่า

ถ้าหากว่ายังจำได้ โซนี่เคยเป็นผู้นำในผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าส่วนบุคคลหลายประเภท นับตั้งแต่วิทยุทรานซิสเตอร์ขนาดเล็ก โทรทัศน์ โซนี่ยังทำให้เครื่อง

เล่นเพลง"วอล์กแมน" กลายเป็นสิ่งที่ใครๆในยุคสมัยนั้นต่างต้องการครอบครองสักเครื่อง ซึ่งนั่นทำให้วิธีการฟังเพลงของคนทั้งโลกเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เฉกเช่นเดียวกับไอพอดในยุคต่อมา โซนี่ เช่นเดียวกับแอปเปิล ต่างก็เป็นบริษัทที่สร้างสรรค์ไอเดียใหม่ๆลงในสินค้าของตนเองเสมอ ด้วยเทคโนโลยีที่คิดไกลกว่าบริษัทอื่นๆ และสุดท้าย เป็นแบรนด์ที่ยากที่ใครจะต่อกรได้

ถึงกระนั้น โซนี่ก็ยังคงเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่อยู่เสมอ แม้ว่า "มะซะรุ อิบุกะ" และ"อะกิโอะ โมะริตะ" ผู้ก่อตั้งที่ทำให้โซนี่เติบโตมาได้กระทั่งวันนี้ จะไม่ได้กุมบังเหียนแล้วก็ตาม โซนี่ ยังคงผลิตสินค้าที่มีคุณภาพสูงอยู่เสมอ ภายใต้แบรนด์ที่ได้รับความไว้วางใจจากผู้บริโภคทั่วโลก

"มะซะรุ อิบุกะ" และ"อะกิโอะ โมะริตะ" ผู้ก่อตั้งโซนี่

แต่ก็ไม่อาจพูดได้ว่า โซนี่คือบริษัทอิเล็คทรอนิกส์ที่ทรงอิทธพลที่สุดในโลกเช่นที่เคยเป็นมา หลังจากที่แอปเปิล เข้ามาแทนที่ และเปลี่ยนแปลงแนวคิดของโลกแห่งสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมด ขณะที่ซัมซุง ยักษ์ใหญ่จากเกาหลีใต้พยายามไล่ตามมาติดๆอย่างไม่ลดละ ด้วยการผลิตสินค้าที่ใช้เทคโนโลยีไฮเทค และการจ้างบุคลากรระดับหัวกะทิ แต่ก็ไม่อาจลบชื่อของโซนี่ออกจากสังเวียนการแข่งขันได้

แอปเปิลจะประสบชะตากรรมเดียวกับโซนีหรือไม่ เป็นสิ่งที่ไม่มีใครบอกได้ แต่เรื่องราวของโซนี อาจเป็นคำเตือนให้แก่แอปเปิลได้เป็นอย่างดี

จากการพูดคุยกับโยทาโระ โคบายาชิ ประธานบริษัทฟูจิ ซีร็อกซ์ ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของอะกิโอะ โมริตะ เขาเชื่อว่าโซนี่ยังคงอยู่รอดมาได้ก็เพราะ ผู้บริหารรุ่นใหม่ยังคงยึดถือจิตวิญญาณแบบ"อาคิโอะ โมริตะและอิบุกะ" เป็นต้นแบบในการทำงาน แต่โคบายาชิเชื่อว่านั่นคงเป็นสิ่งที่ยากที่จะเป็นไปได้ เพราะ"โมริตะและอิบุกะ" จะมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น

เช่นเดียวกับที่แอปเปิล มี"สตีฟ จ็อบส์"เพียงหนึ่งเดียว

โคบายาชิกล่าวว่า โซนียังต้องเติบโตต่อไป เพื่อให้พ้นจากร่มเงาของผู้ก่อตั้งที่ทรงพลังมากที่สุดคนหนึ่ง และค้นหาอนาคตใหม่ด้วยตนเอง เพื่อยังคงรักษาความยิ่งใหญ่ แต่กระนั้น โซนี่ก็จะยังต้องหันกลับไปมองข้างหลัง เพื่อมองถึงข้อผิดพลาดของตนเองในอดีต มิใช่แค่ในอนาคตแต่เพียงอย่างเดียว ซึ่งน่าจะเป็นคำแนะนำที่ดีให้กับแอปเปิลในการจัดการกับอนาคต

คำคม วาทะคนดัง คำปราชญ์ (I)


    Imam Ali

หน้า 1 - 2

จงถามเพื่อความเข้าใจ อย่าถามเพื่อหาข้อผิดพลาด
Imam Ali


มีแสงสว่างเพียงพอเสมอสำหรับผู้ที่ปรารถนาที่จะเห็น
Imam Ali
 


คนเขลาที่พยายามแสวงหาความรู้ก็มีฐานะเทียบเท่าผู้รู้
Imam Ali 


ไม่ทำผิดง่ายกว่าขอโทษ
Imam Ali
 

ยาสีฟันสมุนไพรพฤกษาเฮิร์บ
เดินต่อไปในความเจ็บปวดเถิดตราบเท่าที่ยังเดินได้
Imam Ali 


รีบให้อภัยคือคุณธรรมของผู้มีน้ำใจ เร่งแก้แค้นคือนิสัยของคนชั่ว
Imam Ali
 


ผู้ตักเตือนเราในสิ่งที่ดี เสมือนผู้แจ้งข่าวดีกับเรา
Imam Ali 


มาตรฐานวัดการบริหารที่ดี คือความยุติธรรม
Imam Ali
 


สัญลักษณ์ของคนโง่คือชอบถกเถียงกับคนโง่
Imam Husain
 


ความเร่งรีบและความใจเร็วด่วนได้ คือความเขลาเบาปัญญาอย่างหนึ่ง
Imam Husain


ผู้ใดนั่งร่วมอยู่กับคนชั่วย่อมถูกสงสัยว่าเป็นคนชั่วด้วย
Imam Husain


คนที่ชอบวางอำนาจและหยิ่งยะโสไม่ได้เกิดขึ้นจากสิ่งใดเลยนอกเสียจากว่าเขาพบความต่ำต้อยในตัวเอง
Imam Musa Kasim
 


เพื่อนเลวคือเพื่อนที่มีสองหน้า คือจะยกย่องเราเมื่อยามอยู่ต่อหน้าแต่จะว่าร้ายเราในยามอยู่ลับหลัง
Imam Musa Kasim


คุณลักษณะของคนฉลาดคือ ...จะไม่พูดกับคนที่คิดว่าเขาเป็นคนโกหก ...จะไม่ให้คำสัญญาในสิ่งที่ตนเองทำไม่ได้
Imam Musa Kasim
 


สิ่งที่นำทางไปสู่ปัญญาคือการ คิดใคร่ครวญ และสิ่งที่นำทางไปสู่การคิดใคร่ครวญคือ สมาธิ...
Imam Musa Kasim


คนที่มองไม่เห็นว่าในความชั่วนั้นมีความเจ็บปวดรวดร้าว แสดงว่าในตัวเขาไม่มีที่รองรับสำหรับความดีงามเลย
Imam Musa Kasim


ส่วนมากคนคดโกงจะได้รับการไว้วางใจจากคนคดโกงด้วยกัน
Imam Javad 


หากทำให้คนโง่เงียบได้มนุษย์ทั้งหลายจะไม่มีวันขัดแย้งกันเลย
Imam Javad
 


คนรวยคือคนที่ลดละความอยากและพอใจในสิ่งที่ตนมี
Imam Ali Naki
 


คนที่คิดใคร่ครวญถึงความผิดพลาด ของตัวเองในอดีตเพื่อแก้ไข จะได้รับความสำเร็จ
Imam Ali Naki
 


การรวมตัวเพื่อพูดเรื่องไร้สาระ คือความสุขสำราญของพวกที่บกพร่องทางปัญญาและเป็นผลงานที่สำัคัญของคนโง่
Imam ali naki 


เป็นเรื่องที่ไร้มารยาทอย่างยิ่ง ที่จะแสดงความรื่นเริงต่อหน้าคนที่กำลังโศกเศร้า
Imam Askari
 


การฝึกฝนคนโง่และการดัดนิสัยคน ดื้อให้ได้ผลจะเป็นเรื่องที่น่าี่มหัศจรรย์ยิ่ง
Imam Askari


ผู้ใดยกย่องคนเลวที่ไม่สมควรได้รับการยกย่องเท่ากับเขาเป็นพวกเดียวกับคนเลว
Imam Askari


การปฏิบัติสิ่งใดโดยขาดความเข้าใจอย่างถ่องแท้เหมือนคนที่เดินออกนอกเส้นทางเพราะยิ่งเดินเร็วเท่าไหร่ยิ่งหลงทาง
Imam Sadik


คุณลักษณะของคนโง่คือ ตอบตกลงก่อนรับฟังให้ดี ปฏิเสธก่อนทำความเข้าใจและตัดสินในสิ่งที่ตัวเองไม่รู้
Imam Sadik


ความเลวร้ายที่ทำให้ท่านเศร้าดีกว่าความดีงามที่ทำให้ท่านผยอง
Imam Ali 


โลกนี้ที่จริงก็เปรียบเหมือนตลาดมีทั้งคนได้กำไรและคนขาดทุน
Imam Ali Hadi


ม่านแห่งศักดิ์ศรีมักจะขวางกั้น ระหว่างตัวท่านกับคำสอนที่ดีเสมอ
Imam Hasan


จงอย่าผูกมิตรกับคนพาล เพราะเขาอาจขายท่านได้ในราคาเพียงอาหารค่ำมื้อหนึ่งเท่านั้น...
Imam Zainul Abideen


ผู้ใดก็ตามที่ทำให้วันนี้ของเขา เหมือนกับเมื่อวานที่ผ่านมา (โดยไม่มีการพัฒนา) เขาคือผู้ขาดทุน
Imam Musa kasim


มีคนสองกลุ่มถ้าเป็นคนดีสังคมก็จะ ดีไปด้วยแต่ถ้าเป็นคนเลวสังคมจะเลวตามไปด้วยคือผู้รู้และผู้นำ
ศาสดา มุฮัมมัด


การแสดงความเสียใจต่อการทำบาปคือการไม่กลับไปทำมันอีก
ศาสดา มุฮัมมัด


มีหรือที่คนเดินลุยน้ำเท้าจะไม่เปียกน้ำ คนที่เดินเข้าสถานที่อันชั่วร้ายจะไม่ซึมซับความชั่ว (จากสถานที่นั้น)
ศาสดา มุฮัมมัด


ศัตรูที่อันตรายที่สุดของท่านคืออารมณ์ใฝ่ต่ำของท่านเอง เพราะเป็นศัตรูืที่อยู่ใกล้ท่านมากที่สุด
ศาสดา มุฮัมมัด


คนแข็งแรงไม่ใช่คนที่สามารถคว่ำคนอื่นให้ล้มลงกับพื้นได้ แต่คนแข็งแรงคือคนที่สามารถควบคุมตัวเองได้เมื่อยามโกรธ
ศาสดา มุฮัมมัด


ความอิจฉาจะกัดกินความดีเหมือนกับไฟที่กำลังไหม้ฟืน
ศาสดา มุฮัมมัด


สองสิ่งต่อไปนี้จะทำให้มนุษย์ลงนรกมากที่สุด ลิ้นและอวัยวะเพศ
ศาสดา มุฮัมมัด


ยารักษาความโง่ คือคำถาม
ศาสดา มุฮัมมัด


จงออกห่างคุณสมบัติสามประการต่อไปนี้เถิด อิจฉา โลภ หยิ่งยะโส
ศาสดา มุฮัมมัด


หัวใจที่ไม่มีแสงสว่างแห่งความรู้ก็เหมือนบ้านร้าง ดังนั้นจงเปิดหัวใจของท่านเพื่อการเรียนรู้เถิด
ศาสดา มุฮัมมัด


คุณสมบัติที่แย่ที่สุดของบุรุษคือความตระหนี่และความขลาด
ศาสดา มุฮัมมัด


ผู้อดทนเท่านั้นที่จะได้รับผลสำเร็จอันงดงาม
ศาสดา มุฮัมมัด


แท้จริงการทำดีกับพ่อแม่จะทำให้อายุยืนยาว
ศาสดา มุฮัมมัด


จงทำดีกับพ่อแม่เถิดแล้วลูกหลานของท่านจะทำดีกับท่านเอง
ศาสดา มุฮัมมัด


มรดกที่ดีที่สุดที่พ่อจะมอบให้แก่ลูกได้คือมารยาทอันงดงาม
Imam Ali


เรื่องจริงที่น่าเกลียดที่สุดก็คือการยกย่องสดุดีตนเอง
Imam Ali


เงียบใบ้เสียดีกว่าพูดเท็จ
Imam Ali


การครุ่นคิดพิจารณาของมนุษย์เป็นกระจกส่องให้ตัวเขาได้เห็นการกระทำที่ดีและชั่วของเขาเอง
Imam Ali


นักปราชญ์ย่อมรู้จักคนโง่เพราะแต่ก่อนนี้ตัวเขาเองเคยโง่มาก่อน แต่คนโง่ย่อมไม่รู้จักนักปราชญ์เพราะเขาไม่เคยเป็นเช่นนั้นมาก่อน
Imam Ali


การสรรเสริญที่เลวร้ายยิ่งคือการสรรเสริญของเหล่าคนชั่ว
Imam Ali


ถ้าจะเลือกของจงเลือกของใหม่ แต่ถ้าจะเลือกเพื่อนจงเลือกเพื่อนเก่า
Imam Ali


ไม่มีผู้ยิ่งใหญ่ ที่เป็นใหญ่ โดยที่ใจไม่อยากเป็นใหญ่
อัลฆอซาลีย์


ทุกสิ่งทุกอย่างมียาแก้ ยาแก้ของความผิดคือการขอโทษ
ศาสดา มุฮัมมัด


การปฏิเสธที่แฝงไว้ด้วยความกรุณา มีค่ายิ่งกว่าคำสัญญาที่ท่านทำไม่ได้
Imam Ali


จงอย่าให้คำมั่นสัญญาในสิ่งที่ท่านไม่อาจจะรักษามันไว้ได้
Imam Ali


บทความที่เกี่ยวข้อง:

อึ้ง หนุ่มฟิลิปปินส์คลั่ง ทำ "ศัลยกรรมใบหน้า-รูปลักษณ์" เลียนแบบ "ซูเปอร์แมน" ยอดฮีโร่ในดวงใจ

มติชนนออนไลน์... สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 7 ต.ค.ว่า นายเฮอร์เบิร์ต ชาเวซ หนุ่มชาวฟิลิปปินส์ ได้ทำศัลยกรรมใบหน้าและรูปลักษณ์ตัวเองเพื่อให้เหมือนกับ "ซูเปอร์แมน" ยอดฮีโร่ที่เขาโปรดปราน โดยหนุ่มวัย 35 ปี รายนี้ ได้ทำศัลยกรรมหลายประเภทตั้งแต่การเสริมคาง จนถึงปลูกต้นขาให้ใหญ่ ให้แลดูเหมือนซูเปอร์ฮีโร่รายดังกล่าวอย่างแท้จริง

รายงานระบุว่า ที่ผ่านมา นายชาเวซ ได้ทำศัลยกรรมผ่าตัดตัวเองเพื่อแปลงโฉมให้เหมือนซูเปอร์แมนตั้งแต่ปี 1995 ซึ่งที่ผ่านมาเขาถือเป็นแฟนพันธุ์แท้ของซูเปอร์แมน เนื่องจากเจ้าตัวสะสมของที่ระลึกเกี่ยวกับยอดฮีโร่พันธุ์นี้เป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นหุ่นซูเปอร์แมนขนาดเท่ามนุษย์ การ์ตูน และโปสเตอร์ ขณะที่เจ้าตัวยอมรับว่า การศัลยกรรมหลายรอบทำให้เขาแลดูเหมือนซูเปอร์แมนมาก

อย่างไรก็ตาม ด้านจิตแพทย์บางคนเตือนว่า หนุ่มฟิลิปปินส์รายนี้อาจต้องทรมานกับอาการคลั่งไคล้การศัลยกรรม เพื่อให้เหมือนกับซูเปอร์ฮีโร่คนโปรดของเขา

กฎหมายรัฐมิสซูรีจัดหนัก สั่งห้ามอาจารย์-ลูกศิษย์ เป็น"เพื่อน"ทางเฟซบุ๊ค



รัฐมิสซูรีของสหรัฐฯ ออกกฎหมายซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 28 สิงหาคมนี้ โดยห้ามอาจารย์และลูกศิษย์เป็นเพื่อนกันทาง"เฟซบุ๊ค"

โดยกฎหมายใหม่ฉบับนี้ จะเป็นกฎหมายฉบับแรกในสหรัฐฯที่ห้ามนักเรียน-นักศึกษา และครู-อาจารย์ ติดต่อกันทางเครือข่ายสังคมออนไลน์ หลังจากกฎหมายมาตรา 54 ได้รับการอนุมัติจากผู้ว่าการรัฐมิสซูรีเมื่อวันที่ 14 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยระบุว่าห้ามทั้งสองฝ่ายติดต่อกันผ่านเว็บไซต์สังคมออนไลน์ทุกประเภท ไม่เฉพาะแต่เฟซบุ๊คเท่านั้น

มาตราดังกล่าว เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า "กฎหมายเพื่อการป้องกันนักเรียน-นักศึกษา เอมี เฮสเทียร์" (Amy Hestir Student Protection Act) ซึ่งได้รับการพิจารณาแล้วว่าสามารถช่วยป้องกันการประพฤติมิชอบทางเพศของวิชาชีพครูอย่างได้ผล ทั้งนี้ ชื่อดังกล่าว ตั้งชื่อตามเด็กหญิงชาวมิสซูรีรายหนึ่งที่ถูกข่มเหงและถูกประทุษร้ายร่างกายจากครูสมัยมัธยมต้นของเธอ ตามข้อมูลของเว็บไซต์ออล เฟซบุ๊ค (allfacebook.com) ระบุว่า ครูคนดังกล่าวได้ย้ายไปทำงานในหลายโรงเรียน และเคยได้รับการยกย่องให้เป็น"ครูดีเด่นแห่งปี"

นอกจากนั้น เนื้อหาในกฎหมายดังกล่าวยังระบุว่า ให้โรงเรียนประจำเมืองทุกแห่งต้องปรับปรุงนโยบายขึ้นใหม่ โดยเฉพาะอย่างการติดต่อกันระหว่างลูกศิษย์และอาจารย์ผ่านช่องทางการสื่อสารทางออนไลน์ทุกประเภท นอกจากนั้น ยังกำหนดให้โรงเรียนต้องรับผิดชอบตามกฎหมาย หากบกพร่องต่อการสืบหาข้อมูลอ้างอิงว่าครูคนดังกล่าว ก่อนหน้าที่เคยมีประวัติที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมทางเพศหรือไม่

อย่างไรก็ดี แม้ว่าจะมีการห้ามให้ทั้งสองฝ่ายติดต่อกันโดยตรง แต่ครูก็ยังสามารถเปิดเพจทางเพซบุ๊ค เพื่อให้นักเรียนมาลงทะเบียนเป็น"แฟน"ได้ตามปกติ

ขณะที่กฎหมายระบุว่าห้ามครูเป็นเพื่อนกับทั้งอดีตนักเรียน และนักเรียนปัจจุบัน แต่ก็ยังเปิดช่องให้มีการตีความได้ว่า "นักเรียนของใคร"ที่อาจเป็นเพื่อนไม่ได้? เฉพาะนักเรียนในชั้นของตน หรือนักเรียนจากโรงเรียนอื่นด้วยหรือไม่? หากว่าเขาเรียนจบแล้ว จะสามารถเป็นเพื่อนได้หรือไม่? หรือหากว่าเขาย้ายไปโรงเรียนอื่น ขึ้นชั้นเรียนใหม่ หรือย้ายไปเมืองใหม่? และที่สำคัญ เราจะสามารถจับผิดได้อย่างไร?

"แคลเทค"ขึ้นชั้นมหาวิทยาลัยดีที่สุดในโลก แซงหน้าฮาร์วาร์ด "มหิดล"หนึ่งเดียวของไทยติด400อันดับแรก

มติชนออนไลน์......สถาบันการศึกษาในสหรัฐฯและอังกฤษ ขึ้นชั้นมหาวิทยาลัยแนวหน้าของโลกอีกครั้ง หลังสถาบันจัดอันดับ Times Higher Education (ทีเอชอี) ได้เลือกให้"สถาบันเทคโนโลยีแห่งแคลิฟอร์เนีย" หรือแคลเทค เป็นมหาวิทยาลัยดีที่สุดในโลก แซงหน้ามหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ซึ่งครองแชมป์มานานกว่า 8 สมัย ให้ตกไปอยู่ในอันดับสอง

สถาบันเทคโนโลยีแห่งแคลิฟอร์เนีย

โดยอันดับสองร่วมตกเป็นของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ขณะที่มหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ดตามมาเป็นอันดับสี่ และมหาวิทยาลัยพรินซ์ตันเป็นอันดับห้า นี่ยังเป็นครั้งแรกที่มหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด สามารถแซงหน้ามหาวิทยาลัยแคมบริดจ์ ซึ่งตกลงไปอยู่ในอันดับ 6 เป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในอังกฤษ

ทั้งนี้ ใน 200 อันดับแรก มหาวิทยาลัยทั่วสหรัฐฯสามารถรั้งตำแหน่งต่างๆได้ถึง 75 แห่ง ขณะที่มหาวิทยาลัยจากอังกฤษกวาดมาได้ 32 อันดับ

มหาวิทยาลัยโตเกียว

ด้านมหาวิทยาลัยในเอเชีย ต่างทำอันดับตีตื้นขึ้นมาเรื่อยๆ โดยมหาวิทยาลัยที่รั้งตำแหน่งสูงสุดคือมหาวิทยาลัยโตเกียว ในอันดับที่ 30 ขณะที่มหาวิทยาลัยชั้นนำของจีน 2 แห่ง ต่างก็อยู่ในอันดับที่ดีเช่นกัน ได้แก่ มหาวิทยาลัยฮ่องกง (อันดับ 34) และมหาวิทยาลัยปักกิ่ง (อันดับ 49) โดยมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์อยู่ในอันดับที่ 40

ทีเอชอีได้กล่าวยกย่องความสำเร็จของสถาบันเทคโนโลยีแห่งแคลิฟอร์เนีย ว่ามาจากผลการให้คะแนนในทุกด้านมีความสอดคล้องกันเป็นอย่างดี และการเพิ่มขึ้นอย่างเด่นชัดของการสนับสนุนงานวิจัยต่างๆ

ขณะที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ซึ่งก่อตั้งมานานกว่า 365 ปี ตกไปอยู่ในอันดับสองร่วมก้บมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด เป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปี นับตั้งแต่ทีเอชอีเริ่มมีการจัดอันดับ

ขณะที่ใน 20 อันดับแรก มีเพียง"สถาบันเทคโนโลยีสวิสแห่งซูริก" (Swiss Federal Institute of Technology Zürich) จากสวิตเซอร์แลนด์ และมหาวิทยาลัยโตรอนโตจากแคนาดาเท่านั้น ที่สามารถแทรกสถาบันจากสหรัฐฯและอังกฤษเข้ามาได้

ขณะที่ประเทศไทย มีเพียง"มหาวิทยาลัยมหิดล"เพียงแห่งเดียวเท่านั้นที่ติดอยู่ใน 400 อันดับแรก

ผู้หญิงฉลาดรัก


การจะเป็นผู้หญิงฉลาดรักนั้นไม่ใช่เรื่องยากแต่การจะเป็นคนที่รู้จักตัวเองดีพอก็อาจจะไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะผู้หญิงนั้นเป็นเพศแห่ง ความใจอ่อนและขี้สารยิ่งในเรื่องความรักด้วยแล้วยิ่งใจอ่อนอ่อนใจกันเลยทีเดียว ฉะนั้นวันนี้เราจึงควรเป็น ผู้หญิงฉลาดรัก แต่คุณคงจะสงสัยว่าต้องทำอย่างไรถึงจะรู้ว่าเป็น ผู้หญิงฉลาดรัก นั้นมาดูกันเลยค่ะ

15 ข้อ "ของ" ผู้หญิงฉลาดรัก

1. รู้ว่า . . . ต้องใช้ชีวิตคุ้มค่า

เมื่อมีคนรักจงปรับเปลี่ยนเฉพาะในส่วนที่ทำให้ชีวิตคู่ราบรื่น หากคุณเปลี่ยนแปลงไปทุกอย่างกลายเป็นผู้หญิงอีกคนหนึ่งซึ่งเขาไม่คุ้นเคยเขาก็จะค่อย ๆ หมดความสนใจในตัวคุณ ถ้าคุณมองไม่เห็นคุณค่าของตัวเองแล้วใครจะมองเห็นคุณค่าของคุณ

2. รู้ว่า . . . เซ็กส์ไม่ใช่เรื่องง่าย


ไม่ว่าคุณจะหลงเสน่ห์เขาแค่ไหนไม่ว่าความสัมพันธ์จะดำเนินต่อไปอย่างไร อย่าลืมว่าคนแปลกหน้าก็ยังเป็นคนแปลกหน้าอยู่ดี ถึงประวัติส่วนตัวเขาจะดีแต่ที่แน่ ๆ คุณไม่มีโอกาสรู้ว่า เขามีโรคติดต่อทางเพศหรือเปล่า ไม่จำเป็นที่คุณต้องมีอะไรกับเขาถ้าคุณยังไม่พร้อมในทุกด้านเรารู้จักรักผู้ชายได้โดยไม่ต้องมีเซ็กส์ด้วย

3. รู้ว่า . . . ผู้ชายแสนดีไม่จำเป็นต้องหล่อ

ถ้าเขาคนนั้นทำให้คุณมีความสุขอบอุ่นหัวเราะได้มีความชอบอะไรเหมือนกันหลายอย่าง แถมเขายังฉลาดแต่ไม่หล่อเลย คุณสาว ๆ ลองไปเดินสังเกตตามซูเปอร์มาเก็ตดูผู้ชายที่มาซื้อของกับครอบครัวหรือเล่นอยู่กับลูก ๆ ตามชายหาด แฟมิลี่แมนเหล่านี้หน้าตาอาจจะไม่เหมือนนายแบบในนิตยสารเลยแต่เขานี่แหละที่เหมาะจะเป็นพ่อของลูกคุณ

4. รู้ว่า . . . ความเป็นเพื่อนยาวนานกว่าความรัก


หากคุณและเขามีปัญหาทะเลาะกันบ่อย ๆ ในยามเป็นคนรักกัน ลองคุยกันแล้วเปลี่ยนความสัมพันธ์ให้เป็นรักแบบเพื่อนเสียก่อน เรียนรู้ที่จะคบและศึกษานิสัยใจคอกันไปนาน ๆ แล้วค่อยพัฒนาความสัมพันธ์นั้นไปสู่การเป็นคนรักกันคู่รักคือมิตรภาพที่ยาวนาน

5. รู้ว่า . . . ความรักมีปริมาณ 50-50

สิ่งที่คู่รักต้องการคือความรักที่พบกันครึ่งทางมีการให้และรักอย่างสมดุล ต่างฝ่ายต่างเอาใจใส่ห่วงใยกันช่วยเหลือกันมอบความรักให้อีกฝ่ายเท่าเทียมกันไม่มากเกินไปหรือน้อยเกินไป

6. รู้ว่า . . . ทุกคนมีพื้นที่ส่วนตัว

ในเรื่องความเป็นส่วนตัวไม่มีใครบอกได้ชัดเจนว่า แค่ไหนและอย่างไรควรเปิดเผยเรื่องส่วนตัวต่อกันได้มากน้อยแค่ไหน แต่ละคนมาจากพื้นฐานไม่เหมือนกัน ในพื้นที่ส่วนตัวนั้นควรตกลงกันก่อนที่จะสร้างความสัมพันธ์กับใครควรพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในเรื่องนี้อยู่เสมอ ในความเป็นจริงของของเขาคือของเขาไม่ใช่ของคุณและของของคุณคือของคุณไม่ใช่ของเขา

เชอรี่แดง

7. รู้ว่า . . . เราไม่มีวันเปลี่ยนแปลงผู้ชายได้

เหตุผลก็คือ เราไม่สามารถและไม่สมควรที่จะพยายามเปลี่ยนสิ่งที่เขาชอบหรือไม่ชอบ ไม่มีใครเปลี่ยนใครได้นอกจากตัวของเขาเอง เก็บพลังใจกายและเวลาอันมีค่าที่จะสูญเสียไปไว้ให้กับคนที่ต้องการความสัมพันธ์ดี ๆ กับเราดีกว่า หรือทำอะไรก็ได้ร้อยแปดประการที่ทำให้ชีวิตคุณดีขึ้น หากเขาแสดงการไม่ให้เกียรติคุณเขาก็ไม่สมควรที่จะได้รับความรักความห่วงใยจากคุณ ถ้าปล่อยให้เขาทำตัวแย่กับเราเขาก็จะแย่ลงเรื่อย ๆ

8. รู้ว่า . . . ความใกล้ชิดร้องขอกันไม่ได้

อยู่ที่ความต้องการและความรับผิดชอบและความรู้สึกที่สองฝ่ายมีให้กัน หากคุณต้องการความไว้ใจคุณต้องให้เขาก่อนและหากคุณต้องการความใกล้ชิดคุณต้องลองเป็นฝ่ายมีเวลาให้เขาก่อน

9. รู้ว่า . . . งานบ้านไม่ใช่เฉพาะของผู้หญิงฝ่ายเดียว


ความสัมพันธ์จะยืดยาวต้องอาศัยคนสองคนมีบทบาทร่วมกัน ปัจจุบันผู้หญิงไม่ได้ถูกจำกัดให้ทำงานอยู่แต่ในบ้านเท่านั้น ต้องรู้วิธีแบ่งงานในบ้านให้ร่วมกันทำได้ทั้งสองฝ่าย โดยที่ไม่เสียความรู้สึกและผู้ชายที่ทำงานบ้านเป็นเป็นผู้ชายที่เซ็กซี่ที่สุด

10. รู้ว่า . . . เป็นคนรักต่างกับคนรับใช้

จริง ๆ แล้วผู้ชายที่มีความรับผิดชอบดีเขาจะไม่ชอบผู้หญิงที่อ่อนแอและเป็นเบี้ยล่างให้เขาตลอดเวลา หรือเกรงใจผู้อื่นจนปฏิเสธใครไม่เป็นเราต้องรู้จักปฏิเสธและโต้กลับบ้างการปฏิเสธข้อเรียกร้องของคนอื่นบ้างไม่ใช่เรื่องหยาบคาย

11. รู้ว่า . . . การแต่งงานไม่ใช่กระดาษแผ่นเดียว

ใบทะเบียนสมรสไม่ใช่สิ่งที่จะรับรองว่า ชีวิตคู่ของคุณจะอยู่กันตลอดรอดฝั่งแต่การแต่งงานนั้นเป็น "งาน" จริง ๆ งานที่ต้องช่วยกันคิด ช่วยกันแก้ ต้องทำความตกลงกันในหลายเรื่องอาศัยการประนีประนอมและหมายถึงการใช้ชีวิตซ้ำ ๆ ในแต่ละวันกับมนุษย์คนเดิม ซึ่งเขาอาจจะไม่จำเป็นต้องได้ดั่งใจคุณทุกอย่าง ไม่จำเป็นต้องรู้สึกหรือมีความคิดเห็นเหมือนคุณทุกเรื่องและชีวิตคู่ไม่ต้องโรแมนติกตลอดเวลาก็สามารถมีความหมายลึกซึ้งและเป็นรักที่แท้และฉลาดได้

12. รู้ว่า . . .ไม่ควรประจานข้อบกพร่องของตัวเองให้เขาฟัง


13. รู้ว่า . . .ต้องไม่เป็นหนังสือที่อ่านง่ายสำหรับเขา


14. รู้ว่า . . .ผู้ชายไม่ใช่ซูเปอร์แมน เขาเองก็อ่อนแอและท้อแท้เป็น


15. รู้ว่า . . .อย่าเรียกร้องความเท่าเทียมจากผู้ชาย ถ้าเรายังดูแลตัวเองไม่ได้


ขอขอบคุณข้อมูลจาก Forward Mail ขอขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต

ข้อควรรู้ในการเลือกตั้ง 2554




ใกล้เข้ามาทุกทีสำหรับการเลือกตั้งครั้งใหม่ ในวันที่ 3 กรกฎาคม 2554 ซึ่งเป็นหน้าที่สำคัญของคนไทยทุกคนที่ต้องปฏิบัติ เพื่อมอบอำนาจอธิปไตยของเราให้กับผู้แทนราษฎร เพื่อปฏิบัติหน้าที่แทนเราในสภา รักษาผลประโยชน์ และบริหารประเทศของเรา ดังนั้นการเลือกตั้งจึงมีความสำคัญต่อประเทศชาติ และต่อตัวเราชาวไทยมาก จึงขอเชิญชวนผู้ที่มีสิทธิไปใช้สิทธิของตัวเอง เลือกผู้แทนที่ดีเข้าสภา … ว่าแต่การเลือกตั้งต้องเตรียมตัวอย่างไร หรือตรวจสอบรายชื่อเขตเลือกตั้งที่ไหน อย่างไร วันนี้เรามีข้อมูลในการเลือกตั้งมาฝากกันค่ะ

สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร

สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือ ส.ส. นั้น เป็นตัวแทนของประชาชน ที่เข้าไปทำหน้าที่ ออกกฎหมาย และตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล ร่วมกับสมาชิกวุฒิสภา โดยในการเลือกตั้งแต่ละครั้งจะต้องมี ส.ส. มีจำนวน 500 คน ซึ่งมาจากการเลือกตั้ง 2 แบบ คือ
ส.ส. แบบแบ่งเขต

เป็นการเลือกตั้งจาก 375 เขตทั่วประเทศ โดยในแต่ละเขตจะเลือกผู้สมัครที่มีคะแนนสูงสุด ให้เป็น ส.ส. โดยจะมี ส.ส. ทั้งสิ้นจำนวน 375 คน
ส.ส.แบบสัดส่วน หรือ ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ
เป็นการเลือกตั้งโดยทางพรรคการเมืองนั้น ๆ จะส่งผู้สมัครแบบบัญชีรายชื่อ ไว้เพียงบัญชีเดียว เรียงลำดับไม่จำนวนไม่เกิน 125 รายชื่อ ซึ่งการเลือกตั้งแบบนี้ หมายถึงทั้งประเทศ จะมีผู้สมัครแบบบัญชีรายชื่อชุดเดียวกัน มีทั้งสิ้นจำนวน 125 คน

สำหรับหน้าที่ของ สมาชิกสภาผู้แทนราฎร มีดังต่อไปนี้
- ออกกฎหมายเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน
- เป็นผู้เลือก ส.ส. ที่จะดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี
- ควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน
- จัดสรรงบประมาณแผ่นดินเพื่อพัฒนาประเทศ
- นำปัญหาความเดือดร้อนและความต้องการของประชาชนเสนอรัฐบาล

คุณสมบัติของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง

- สัญชาติไทย หรือผู้มีสัญชาติไทยโดยได้แปลงสัญชาติมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี
- อายุไม่ต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์ ในวันที่ 1 มกราคม ของปีที่มีการเลือกตั้ง ในปีนี้ถึงว่า ต้องมีอายุครบ 18 ปีบริบรูณ์ภายในวันที่ 1 มกราคม 2553
- มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในเขตเลือกตั้งมาแล้วเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า 90 วัน นับถึงวันเลือกตั้ง

ลักษณะต้องห้ามของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง

- ภิกษุ สามเณร นักพรต หรือนักบวช
- อยู่ในระหว่างถูกเพิงถอนสิทธิการเลือกตั้ง
- ต้องคุมขังโดยหมายของศาล หรือโดยคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย
- วิกลจริต จิตฟั่นเฟือน หรือไม่สมประกอบ
การเตรียมตัวในการเลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร การตรวจสอบรายชื่อ

- ตรวจสอบรายชื่อจากบัญชีผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 20 วันก่อนวันเลือกตั้ง ที่ศาลากลางจังหวัด ที่ว่าการอำเภอ ที่ทำการเขต ที่ทำการ อบต. สำนักงานเทศบาล ที่ทำการผู้ใหญ่บ้าน หรือเขตชุมชน

- ตรวจสอบรายชื่อจากบัญชีผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 15 วันก่อนวันเลือกตั้ง จากหนังสือแจ้งเจ้าบ้าน (ส.ส.12)

ทั้งนี้ ในกรณีที่ไม่พบชื่อของตนเองในบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ให้แจ้งทะเบียนนายอำเภอ หรือนายทะเบียนท้องถิ่น โดยนำหลักฐานสำเนาทะเบียนบ้าน และบัตรประจำตัวประชาชน หรือบัตรประจำตัวอื่นใดที่ทางราชการออกให้มาแสดงด้วย

หลักฐานที่ใช้ในการเลือกตั้ง

- บัตรประชาชน (บัตรที่หมดอายุก็ใช้ได้)
- บัตรหรือหลักฐานที่ราชการหรือหน่วยงานของรัฐออกให้มีรูปถ่ายและหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน เช่น
- บัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ของรัฐ
- ใบขับขี่
- หนังสือเดินทาง (พาสปอร์ต)


การแจ้งเหตุที่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ส.ส. ไม่ได้

สำหรับผู้ที่มีเหตุทำให้ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ส.ส. ไม่ได้ ต้องทำหนังสือชี้แจงเหตุ ส.ส. 28 ก่อนหรือหลังวันเลือกตั้ง 7 วัน โดยระบุเลขประจำตัวประชาชนและที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน ยื่นหนังสือต่อนายทะเบียนอำเภอหรือนายทะเบียนท้องถิ่นด้วยตนเอง มอบหมายผู้อื่นหรือส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียน
ผู้ที่มีเหตุทำให้ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ส.ส. ไม่ได้

- ผู้มีธุรกิจจำเป็นเร่งด่วนต้องเดินทางไปพื้นที่ห่างไกล
- ผู้ป่วยและไม่สามารถเดินทางไปใช้สิทธิเลือกตั้งได้
- ผู้พิการหรือผู้สูงอายุและไม่สามารถเดินทางไปใช้สิทธิเลือกตั้งได้
- ผู้เดินทางออกนอกราชอาณาจักร
- ผู้มีถิ่นที่อยู่ห่างไกลจากที่เลือกตั้งเกินกว่า 100 กิโลเมตร
- ผู้ประสบเหตุสุดวิสัย เช่น อุทกภัย วาตภัย ฯลฯ

การเลือกตั้งนอกเขตจังหวัด
สำหรับผู้ที่ทำงานหรืออาศัยอยู่คนละจังหวัดกับทะเบียนบ้าน หรือผู้มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านปัจจุบันไม่ถึง 90 วัน สามารถไปลงคะแนนเลือกตั้ง ส.ส. ก่อนวันเลือกตั้ง ณ ที่เลือกตั้งกลางของจังหวัดที่ท่านทำงานหรืออาศัยอยู่ได้ แต่ต้องยืนคำขอลงทะเบียนเพื่อขอใช้สิทธิเลือกตั้งก่อนวันเลือกตั้ง ต่อนายทะเบียนอำเภอ หรือนายทะเบียนท้องถิ่น ก่อนวันเลือกตั้งไม่น้อยกว่า 30 วัน

การเลือกตั้งในเขตจังหวัด

สำหรับผู้ที่อยู่อาศัยในบ้านตามทะเบียนบ้าน แต่ในวันเลือกตั้งต้องเดินทางออกนอกเขต ไม่สามารถไปใช้สิทธิได้ ก็สามารถไปแสดงตนเพื่อขอลงคะแนนเลือกตั้ง ส.ส. ก่อนวันเลือกตั้งได้ (การเลือกตั้งล่วงหน้า) ณ ที่เลือกตั้งกลางในเขตเลือกตั้งที่ตนมีสิทธิเลือกตั้ง โดยไม่ต้องยื่นคำขอลงทะเบียนแต่ต้องแจ้งขอใช้สิทธิดังกล่าวต่อ กกต.เขต

การเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร
สำหรับผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่อยู่ต่างประเทศ ต้องขอลงทะเบียนใช้สิทธินอกราชอาณาจักรก่อนวันเลือกตั้งไม่น้อยกว่า 30 วัน (ภายในวันที่ 2 มิถุนายน 2554) และไปลงคะแนนล่วงหน้า ระหว่างวันที่ 17 - 26 มิถุนายน 2554 ณ สถานเอกอัครราชทูต สถานกงสุล หรือลงคะแนนทางไปรษณีย์ ตามที่สถานเอกอัครราชทูต หรือสถานกงสุลกำหนด

ข้อกำหนดที่เกี่ยวกับการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง มีดังต่อไปนี้

- ห้ามซื้อเสียง หรือจัดเตรียมซื้อเสียง
- ห้ามรับเงินและประโยชน์อื่นใด เพื่อลงคะแนนเลือกตั้ง
- ห้ามส่งเสียง และห้ามขายหรือจัดเลี้ยงสุรา ตั้งแต่ 18.00 น. ของวันก่อนวันเลือกตั้งจนสิ้นสุดวันเลือกตั้ง
- ห้ามนายจ้างขัดขวางการไปใช้สิทธิของลูกจ้าง
- ห้ามขัดขวางหรือหน่วงเหนี่ยวมิให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งไป ณ ที่เลือกตั้ง
- ห้ามจัดยานพาหนะ (ยกเว้นหน่วยงานรัฐ) ให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งไปเลือกตั้ง โดยไม่ต้องเสียค่าโดยสาร
- ห้ามทำให้บัตรเลือกตั้งชำรุดอย่างจงใจ
- ห้ามถ่ายภาพบัตรเลือกตั้งที่ตนเองได้ลงคะแนนแล้ว ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ใด ๆ
- ห้ามเล่นการพนันขันต่อใดๆ เกี่ยวกับผลการเลือกตั้ง
- ห้ามเปิดเผย หรือเผยแพร่ผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับการเลือกตั้ง (โพลล์) ในระหว่างเวลา 7 วันก่อนวันเลือกตั้งจนถึงเวลาปิดการลงคะแนนเลือกตั้ง


การคัดค้านการเลือกตั้ง
ผู้ที่มีประสงค์จะคัดค้านการเลือกตั้ง ต้องยื่นคัดค้านต่อ กกต. ก่อนวันประกาศผลการเลือกตั้ง หรือ ภายใน 30 วัน นับแต่วันประกาศผลการเลือกตั้ง กรณีเห็นว่า การเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งนั้นเป็นไปโดยไม่ถูกต้อง หรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย และ ภายใน 180 วัน นับแต่วันประกาศผลการเลือกตั้ง กรณีที่เห็นว่า ผู้สมัครหรือพรรคการเมืองใด ใช้จ่ายเงินในการหาเสียงเกินจำนวนที่ กกต. กำหนด หรือผู้สมัครไม่ยื่นบัญชีรายรับ-รายจ่าย ภายใน 90 วันหลังวันเลือกตั้ง

การแจ้งเหตุเมื่อพบการทุจริต

เมื่อพบเห็นการทุจริตเลือกตั้ง ทุกกรณี ไม่ว่าจะเป็นการแจกเงิน สิ่งของ หรือมีการเรียกรับเงิน หรือทรัพย์สิน ให้ช่วยกันแจ้งเบาะแส หรือรวบรวมหลักฐานการทุจริตแจ้งต่อตำรวจในพื้นที่หรือรายงานให้ กกต. ทราบโดยด่วน


สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง

เลขที่ 120 ม.3 ชั้น 2 อาคารรวมหน่วยราชการ บี
ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550
ถ.แจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพ 10210

เว็บไซต์ http://www.ect.go.th/newweb/th/home/index.php
อีเมล์ dav@ect.go.th

โทรศัพท์ หมายเลข 0-2143-8668 , 0-2141-8888



ขอขอบคุณข้อมูลจาก
http://www.ect.go.th/newweb/th/election/

ภาษิตจีน

  • ความรีบร้อนมักนำความผิดพลาดมาให้เสมอ
  • ผู้มีความเพียรอย่างแรงกล้า เท่ากับสำเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง
  • การกล่าววาจากระทบผู้อื่น เหมือนคมมีดกรีดหัวใจ
  • หญิงขี้เกียจกับเตียงที่อบอุ่นย่อมแยกจากกันยาก
  • เรื่องราวของครอบครัวไม่ควรแพร่งพรายออกนอกเรือน
  • คบหากันเพราะรูปโฉม ความงามร่วงโรย ความรักก็สลาย
  • เมื่อฝ่ายหนึ่งไม่ต้องการ ทั้งคู่ก็ย่อมไม่เกิดทะเลาะกัน
  • อยู่บ้านอาศัยพ่อ แต่งงานอาศัยสามี เมื่อเฒ่าอาศัยลูกหลาน
  • จงเอาความรักบุตรภรรยาไปมอบให้แก่บิดามารดา
  • ภรรยาเพื่อน อย่าได้รังแกล่วงเกิน
  • มารดาที่อบรมดีคนเดียวมีค่าเลิศเท่าครูร้อยคน
  • พันคนก็มีเรื่องทุกข์พันอย่าง แต่มีทุกข์ไม่เหมือนกันสักคน
  • ปัจจุบันละเลยเรื่องเล็กน้อย ภายหน้าเสียใจอย่างใหญ่หลวง
  • การพูดจาไม่รู้จักถ่อมตน ธุรกิจก็ยากที่จะประสบผล
  • คนที่ไม่มีรอยยิ้มแย้ม อย่าคิดเปิดทำกิจกรรมการค้า
  • คนต้องมีกิริยาสุภาพ ดุจดอกไม้ต้องมีกลิ่นหอม
  • ผู้ชอบทะเลาะวิวาท ย่อมมีมิตรน้อย
  • ถอยสักก้าว ทะเลดูสวย ท้องฟ้าสดใส
  • อาศัยผู้อื่นอย่าเอาแต่ใจตน ต้องเรียนรู้นิสัยผู้อื่นไว้ด้วย
  • ผู้ไร้สัจจะ ถึงจะมีความสามารถก็ไร้ประโยชน์
  • มูลเหตุแห่งความเสียทรัพย์มาจากความเร่งรีบเสมอ
  • เดินพลาดเพียงก้าวเดียว อาจทำให้งานใหญ่พังได้
  • ผู้ไม่คิดการณ์ไกล มักประสบความทุกข์ยากเมื่อจวนตัว
  • บุคคลเปิดช่องให้โทษะครอบงำ ยังความวิบัติให้แก่ครอบครัว
  • กตัญญูเป็นการแสดงออกของจิตใจ อันสูงและประเสริฐ
  • ครอบครัวจะรุ่งเรืองอยู่ 2 ประโยค ขยันกับประหยัด
  • ความอดทนหลีกเลี่ยงทุกข์ภัยที่ใหญ่หลวงได้
  • เมื่ออยากจะรู้ความในใจเขา ต้องฟังเขาพูด
  • การมุสาเป็นก้าวแรกเดินเข้าสู่ประตูคุก
  • ผู้สูญเสียความซื่อสัตย์ เหมือนสูญเสียแล้วทุกสิ่งทุกอย่าง
  • ความอวดดีจองหองเป็นการเริ่มต้นแห่งบาป
  • โกหกเพียงครั้งเดียว ถูกสงสัยตลอดกาล
  • ผิดพลาดเพียงก้าวเดียว เสียใจไปตลอดชีพ
  • อารมณ์โกรธเข้าประตูหน้า สติปัญญาก็โผออกประตูหลัง
  • ปุถุชนหาใช่นักปราชญ์บัณฑิตไม่ ใครบ้างจะไม่ทำผิดเลย
  • คนดีเกลียดชังความชั่ว เพราะรักในคุณธรรม
  • ความหวั่นกลัวเป็นอุปสรรคการสร้างคุณธรรมทั้งมวล
  • ยามรุ่งเรืองไม่ประมาท ยามตกยากต้องอดทน
  • อย่าอวดตนเก่งกว่าผู้อื่น โลกนี้ผู้ที่เก่งกว่าตนนั้นมีมากมาย
  • คนตายส่งกลิ่นเหม็นหนึ่งลี้ คนเป็นส่งกลิ่นเหม็นพันลี้
  • ผู้มีเมตตาธรรมย่อมไร้ทุกข์ ผู้มีปัญญาย่อมไม่ลุ่มหลง
  • ยามให้ไม่ควรคิด ยามรับควรตอบแทนคุณ
  • ความอดทนรวมกับความกล้าหาญ ย่อมบรรลุสุขแน่นอน
  • ความอดทนเป็นต้นไม้ให้รสแสนขม แต่การให้ผลแสนหวาน
  • ผู้ที่สามารถควบคุมความโกรธไว้ได้ เป็นผู้มีปัญญายอดเยี่ยม
  • ร่างกายสมบรูณ์ไม่ต้องใช้ยาบำรุง จิตใจดีงามไม่ต้องกินเจ
  • จิตที่ยึดมั่นในพุทธธรรม ไม่มีมารปีศาจมารบกวน
  • กุศลกรรมที่ไม่มีอะไรใหญ่เท่ากับการให้ "อโหสิกรรม"
  • ทั่วปฐพีล้วนมีขุมทรัพย์ เพียงแต่รอผู้มีวาสนา
  • ปลูกต้นไม้บำรุงราก ปลูกฝังคุณธรรมบำรุงจิตใจ
  • คุณธรรมความดีไม่ได้อยู่ที่ลิ้น หากเก็บไว้ในใจ
  • คนมีคุณธรรมย่อมรุ่งเรือง คนถืออำนาจย่อมหายนะ
  • ใคร่ครวญต้องช้าๆ ลงมือต้องรวดเร็ว
  • ต้องเคารพตนเอง มิฉนั้นแล้วจะไม่มีใครเคารพท่าน
  • เหนือภูเขายังมีภูเขา เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคน
  • คนมักตายเพราะทรัพย์เป็นเหตุ นกมักตายเพราะเหยื่อ
  • คนที่มีปัญญาเห็นแก่ตัว สู้คนโง่ทำเพื่อส่วนรวมไม่ได้
  • คนดีมักถูกรังแก ม้าดีมักถูกควบขี่
  • การวางเฉยเป็นมารยาทที่ดี แต่มากนักเป็นคนลับลมคมใน
  • การไม่สามารถแยกดีชั่ว เป็นบุคคลน่าห่วงใยที่สุด
  • คบคนดีควรผ่อนปรน คบคนชั่วควรระวังกวดขัน
  • โชควาสนาติดตามคนกล้า เคราะห์กรรมตามหลังคนขลาด
  • ผู้กระทำการใหญ่ ย่อมไม่ถือสาคำตำหนิเล็กๆน้อยๆ
  • โรคภัยเข้าทางปาก ภัยพิบัติออกจากปาก
  • ความขี้เกียจ คือสุสานฝังคนเป็น
  • อาศัยโชควาสนา หรือจะสู้ความสามารถของตนได้
  • ระยะทางพิสูจน์กำลังม้า กาลเวลาพิสูจน์จิตใจคน
  • อย่ารังแกคนยากจน อย่าหยิ่งยะโสในความมั่งมี
  • ผู้รอบรู้มักถ่อมตน ผู้โง่เขลามักยะโส
  • บุรุษอัจฉริยะอยู่ที่ปาก อาชาดีอยู่ที่ฝีเท้า
  • คนซื่อสัตย์พูดคำใดถือเป็นสัญญาคำนั้น
  • หนทางนั้นคดเคี้ยว แต่เหตุผลนั้นเที่ยงธรรม
  • ของมีพิษห้ามกิน ของผิดกฎหมายห้ามทำ
  • ปัญญาชนควรสนิทไว้ แต่ไม่ใช่ต้องตามเขาไปเสียทุกอย่าง
  • ความรู้ทำให้รู้จักถ่อมตน ความไม่รู้ทำให้จองหอง
  • กิจการทั้งมวล ความซื่อสัตย์สำคัญที่สุด
  • ภายใต้ฟ้าไม่มีสิ่งใดมาก สำหรับผู้มีใจพากเพียร
  • มารยาทดีงามต่อคน เป็นสิ่งที่มีค่ายิ่งกว่าสิ่งใด
  • มูลรากของความชั่วร้าย มาจากความเกียจคร้าน

บทความที่เกี่ยวข้อง:

แมวกลิ้งในลูกบอล คลิปสุดฮิตบนโลกออนไลน์



แมวน้อยอยากรู้อยากเห็น ซุกตัวเข้าไปขดอยู่ในลูกบอลพลาสติกทรงกลม แล้วกลิ้งไปกลิ้งมาอย่างสนุกสนาน กลายเป็นคลิปเด็ดที่กำลังฮิตอยู่ในโลกออนไลน์อยู่ในขณะนี้
มันเอาหัวเข้าไปในลูกบอลก่อน แล้วก็ม้วนตัวขดในลูกบอลขนาดเล็กได้พอดี แต่ก็ยังวุ่นวายกับหางของตัวเองที่มักจะโผล่ออกมานอกลูกบอลอยู่เรื่อย มันเลยต้องเอาอุ้งเท้าหน้าจับหางตัวเองให้เข้าไปในลูกบอลอยู่บ่อยๆ ส่วนลูกแมวสีขาว-ดำอีกตัวหนึ่ง คอยดูอยู่ไม่ห่างและคงจะขำๆ พลางคิดว่า ′มันทำอะไรของมัน′

แห่ดูเต่า กระดองคล้ายพระสมเด็จเก้าชั้น



ข่าวสดออนไลน์ ....ที่จ.อุทัยธานี นายวีรศักดิ์ เพชรอำไพร อายุ 30 ปี ชาว จ.อุทัยธานี เผยว่าพบเต่าสีทองคล้ายสมเด็จเก้าชั้น ขณะที่ตนขับรถจักรยานยนต์ กลับจากซื้อของที่ตลาดเมืองอุทัยธานี เวลาประมาณ 19.00 น. วันที่ 14 มิถุนายน ที่ผ่านมา เมื่อขับถึงบริเวณหน้าโชว์รูปรถโตโยต้าอุทัยธานี ได้พบเห็นเต่าขนาดตัวยาวขนาดประมาณ 25 เซนติเมตรน้ำหนัก 1.2 กิโลกรัม คลานต้วมเตี้ยมกำลังจะข้ามถนนจึงหยุดรถลงไปจับเต่าตัวดังกล่าวกลับไปบ้านและตั้งใจว่า ตอนเช้าวันรุ่งขึ้นจะนำไปปล่อยสระน้ำ เนื่องจากก่อนหน้านี้ก็เคยพบเจอเต่าที่กำลังจะข้ามถนนในลักษณะนี้ ด้วยความสงสารจึงจับไปปล่อยตามสระน้ำของเอกชน และตามวัดมาหลายตัวแล้ว

เมื่อถึงช่วงเช้า วันที่ 15 มิ.ย. ตนเห็นเต่าตัวนี้มีลักษณะดี จึงบอกเพื่อบ้านมาดูทุกคนก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเต่าตัวนี้มีลักษณะดี สวยงาม ที่สำคัญน่าทึ่งตรงที่กระดองหลังมีลักษณะคล้ายพระสมเด็จเก้าชั้น ตนเองจึงเลี้ยงเต่าตัวนี้ไว้ในบ่อซิเมนต์ให้อาหารทุกวันเป็นผักและผลไม้ทุกชนิดซึ่งเจ้าเต่าตัวนี้ก็ดูเหมือนจะชอบกิน ส่วนตัวเชื่อว่าการพบเต่าสีทองลายคล้ายพระสมเด็จครั้งนี้ถือเป็นสิ่งมงคลในชีวิตเต่าที่ขังไว้กับพบว่าเต่าตัวมีลำตัวสีเหลืองจนถึงหัว กระดองหลังมีลานคล้ายฐานเจดีย์หรือฐานพระสมเด็จเก้าชั้น



พระเล่นมั่ง-ทำ"แพลงกิ้ง"บนราวบันได



ระบาด - ภาพพระภิกษุทำท่า"แพลงกิ้ง" หรือท่าแกล้งตายบนราวบันได ถูกส่งว่อนไปตามอินเตอร์เน็ต จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ซึ่งทางกรรมการมหาเถรสมาคม เรียกร้องให้พระผู้ใหญ่ทุกวัด ช่วยกันดูแลเรื่องนี้แล้ว

ข่าวสดรายวัน ....ว่อนเน็ต มหาเถร สั่งห้าม!

ท่าแพลงกิ้ง ระบาดหนักแม้แต่พระสงฆ์ของไทยก็ทำเล่นด้วย มีคนโพสต์รูปพระสงฆ์กำลังทำแพลงกิ้งบนราวบันไดกุฏิวัด ในเว็บไซต์จนถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสม เครือข่ายพิทักษ์ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ จี้สำนักพุทธฯ ตรวจสอบ ขณะที่"พระพรหมโมลี"กก.มหาเถรชี้ไม่ผิดวินัยแต่ไม่เหมาะกับสมณสารูป เตือนเจ้าอาวาสและพระผู้ใหญ่ตรวจสอบพระในปกครองรวมทั้งเณรด้วย เผยท่าแพลงกิ้ง เลียนแบบจากเกมในอังกฤษตั้งแต่ปี 2540 ก่อนระบาดไปทั่วโลก ลักษณะนอนคว่ำหน้าทำตัวแข็งเป็นไม้กระดาน หรือศพ เดือนที่แล้วเป็นข่าวอื้อฉาวทั่วโลก วัยรุ่นออสซี่ทำแพลงกิ้งบนระเบียงห้องพักแล้วพลัดตกลงมาเสียชีวิต



เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกระแสการทำท่าไม้กระดาน หรือแพลงกิ้ง (Planking) ลักษณะนอนคว่ำหน้าทำตัวแข็งเหมือนไม้กระดาน หรือเหมือนศพ โดยอาจจะนอนราบกับพื้น หรือนอนบนที่รองให้ตัวลอยเอาไว้ ของบรรดานักท่องไซเบอร์ทั่วโลก จนระบาดเข้าประเทศไทย ล่าสุดในโลกอินเตอร์เน็ตเป็นที่ฮือฮาอย่างมาก โดยเฉพาะชาวพุทธ เมื่อมีการโพสต์ภาพของพระภิกษุรูปหนึ่ง ทำท่าแพลงกิ้ง อยู่บริเวณราวบันไดภายในกุฏิของวัดแห่งหนึ่งทั้งผ้าเหลือง ทางเว็บไซต์ http://twitpic.com/5c5z7s และภาพดังกล่าวถูกส่งต่อไปตามโลกไซเบอร์อย่างรวดเร็ว ท่าม กลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสม

นายเสถียร วิพรมหา เลขาธิการองค์กรเครือข่ายภาคประชาชนพิทักษ์ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เปิดเผยว่า ได้มีพุทธศาสนิกชนแจ้งมาว่าพบภาพพระสงฆ์ที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมโดยการทำท่าแพลงกิ้ง อยู่ในกุฏิวัด เผยแพร่ผ่านทางเฟซบุ๊ก เว็บไซต์เครือข่ายสังคมออนไลน์ จึงได้ลองเข้าไปดูเพื่อตรวจสอบภาพดังกล่าว พบว่าเป็นภาพบุคคลที่แต่งกายแบบพระสงฆ์กำลังทำท่าแพลงกลิ้งบนราวบันไดในอาคาร แต่ไม่ทราบว่าเป็นกุฏิหรือไม่ โดยจุดที่ทำแพลงกิ้งนั้นมีย่ามพระสงฆ์แขวนอยู่ด้วย แต่เบื้องต้นยังไม่สามารถทราบได้ว่าเป็นภาพของพระสงฆ์จริงหรือไม่ ดังนั้นจึงอยากขอให้ทางสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ดำเนินการตรวจสอบด้วย เนื่องจากภาพดังกล่าวสร้างความเสื่อมเสียให้กับพระพุทธศาสนาอย่างมาก

พระพรหมโมลี กรรมการมหาเถรสมาคมและเจ้าคณะใหญ่หนกลาง กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมสำหรับพระภิกษุเป็นอย่างยิ่ง ด้วยการปฏิบัติดังกล่าวไม่เป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติธรรม และภาพที่พระทำท่าแพลงกิ้งเป็น กิริยาที่ไม่เหมาะสมกับสมณสารูป อาจทำให้ถูกโลกติเตียนหรือโลกวัชชะ แม้จะไม่เคยมีพุทธบัญญัติมาก่อนว่าห้ามพระภิกษุทำท่าแพลงกิ้ง แต่ดูจากการกระทำแล้วเห็นว่าไม่สมควร สำหรับความผิดนั้นไม่ได้เป็นเรื่องร้ายแรงแต่คงต้องฝากให้พระสังฆาธิการชั้นผู้ใหญ่ในวัดคอยควบคุมดูแลพระลูกวัดในสังกัด ห้ามมิให้เล่นในลักษณะคึกคะนองเช่นนี้ รวมไปถึงการถ่ายรูปนำไปลงตามเว็บไซต์ โดยเฉพาะพระภิกษุที่มีพรรษาน้อย รวมไปถึงสามเณรที่ยังติดกับความสนุกคึกคะนอง อยากลองเลียนแบบตามกระแสแฟชั่น

"คนไทยมีนิสัยชอบทำเลียนแบบตามกระแส ด้วยเห็นว่าดูเท่ ได้รับการยอมรับจากคนอื่น แต่ไม่คิดว่ากระแสนี้จะแพร่ระบาดมาถึงกลุ่มพระภิกษุ ทั้งนี้ การทำท่าแพลงกิ้งของพระคงไม่มีความผิดร้ายแรง แต่การทำเช่นนี้หากใครมาเห็นคงดูไม่ดี ทำให้ขาดความน่าเชื่อถือไม่เหมาะสมกับสมณสารูป อาตมาขอฝากให้เจ้าอาวาสหรือพระผู้ปกครอง คอยดูแลพระลูกวัดด้วย หากพบเห็นต้องว่ากล่าวตักเตือนห้ามมิให้กระทำอีก" กรรมการมหาเถรฯ กล่าว

ด้านนายสด แดงเอียด อธิบดีกรมการศาสนา กล่าวถึงเรื่องเดียวกันว่า เป็นการไม่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นท่าแพลงกิ้งหรือท่าใดก็ไม่สามารถทำได้ เพราะถือว่าผิดวินัยสงฆ์ อย่างไรก็ตามสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพระสงฆ์ที่ทำท่าดังกล่าวแล้ว ทั้งนี้การทำท่าแพลงกิ้งกำลังเป็นที่นิยมในหมู่วัยรุ่น กรมสุขภาพจิตออกมาเตือนว่าผู้ที่กระทำท่านี้ ควรทำในที่ที่ปลอดภัยและไม่เสี่ยงอันตราย และไม่ต้องการเห็นภาพการเสียชีวิตจากการทำแพลงกิ้งของคนไทย เหมือนที่เคยเกิดขึ้นในต่างประเทศ

สำหรับการทำท่าแพลงกิ้ง มีที่มาจากเกมที่ชื่อ "Lying Down game" โดยฝรั่งสองนาย เกรย์ คล้ากสัน (Gary Clarkson) และ คริสเตียน ลองดอน (Christian Langdon) เมื่อปี 2540 และได้รับความนิยมในย่าน นอร์ท อีสต์ อิงแลนด์ (North East England) กระทั่งโด่งดังไปทั่วประเทศอังกฤษ จนเมื่อ ปี 2552 เริ่มแพร่หลายไปทั่วโลก เป็นที่นิยมมากขนาดมีแพทย์และพยาบาลถูกสั่งพักงานจากการเล่น "Lying Down game" ถูกผู้คนออกมาวิจารณ์ว่าเป็นเกมที่ไร้สาระจนลดความนิยมลงไป กระทั่งมีชาวออสเตรเลียนำมาเล่นใหม่อีกครั้ง โดยเปลี่ยนชื่อว่า "แพลงกิ้ง"

การทำท่าแพลงกิ้งยังเป็นข่าวอื้อฉาวไปทั่วโลก เมื่อมีวัยรุ่นอายุ 20 ปี ชาวออกเตรเลีย ทำแพลงกิ้งบนระเบียงห้องพักแล้วพลัดตกลงมากระแทกพื้นเสียชีวิตเมื่อวันที่ 15 พ.ค.ที่ผ่านมา นอกจากนั้นยังมีวัยรุ่นอีกคนหนึ่งไปทำแพลงกิ้งบนรถตำรวจในรัฐควีนส์แลนด์จนถูกจับกุม นอกจากนั้นยังมี 2 สาวตากล้องมืออาชีพชาวไต้หวัน โพสต์ท่าแพลงกิ้งบนบันไดข้างทาง แล้วนำไปโพสต์ลงเฟซบุ๊ก มีผู้คลิกเข้าไปดูกว่า 1 แสนคน

รบ.ออสเตรเลียเตรียมสั่งฆ่าอูฐ 1.2 ล้านตัว ชี้เป็นตัวก่อก๊าซคาร์บอน-ทำโลกร้อน

http://www.rakbankerd.com/agriculture/wb/photo/1231771588_80211231771588_8021.jpg


ออสเตรเลียกำลังพิจารณาให้มีการฆ่าอูฐเร่ร่อนจำนวนมาก โดยถือเป็นหนึ่งในทางเลือกของการจัดการปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศของโลก และเพื่อสนับสนุนการจัดเก็บภาษีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของรัฐบาล

ข้อเสนอดังกล่าวถูกบรรจุไว้ในเอกสารการประชุมในหัวข้อเรื่อง"การริเริ่มทำฟาร์มคาร์บอน" ของกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศและประสิทธิภาพพลังงานของออสเตรเลียในวันนี้ ที่กรุงแคนเบอร์รา ทั้งนี้บ.นอร์ธเวสต์ คาร์บอน เสนอที่จะสังหารอูฐป่า เป็นจำนวนกว่า 1.2 ล้านตัว ที่เร่ร่อนอยู่ในพื้นที่ที่ห่างไกลความเจริญของออสเตรเลีย ซึ่งเป็นผลผลิตมาจากกลุ่มคนเลี้ยงสัตว์ที่นำมันเข้ามาในช่วงตั้งถิ่นฐานในช่วงต้นศตวรรษที่ 19

อูฐถูกพิจารณาว่าเป็นหนึ่งสิ่งที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่พืชไร่ของประชาชน โดยเฉลี่ยแล้ว อูฐหนึ่งตัวสามารถผลิตก๊าซคาร์บอนไดอ็อกไซด์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม มากถึง 1 ตันต่อปี ซึ่งทำให้มันถูกจัดเข้าในกลุ่มของตัวการที่ก่อให้เกิดภาวะเรือนกระจกไปโดยปริยาย

บ.นอร์ธเวสต์ เปิดเผยว่า ตามแผนการ บริษัทจะสังหารพวกมันด้วยการยิงลงมาจากเฮลิคอปเตอร์ หรือต้อนให้พวกมันรวมกลุ่ม ก่อนที่จะส่งไปยังโรงฆ่าสัตว์ และนำไปเป็นอาหารสำหรับให้มนุษย์และสัตว์เลี้ยงบริโภคต่อไป

แนวคิดดังกล่าว ถือเป็นหนึ่งในประเด็นที่ได้รับความเห็นชอบจากรัฐบาลในการนำเข้าไปร่วมหารือในที่ประชุม ก่อนการประชุมรัฐสภาในสัปดาห์หน้า ทั้งนี้ ออสเตรเลียถือเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนต่อประชากรมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และรัฐบาลยังคงหาหนทางที่จะลดพฤติกรรมดังกล่าวลงอย่างต่อเนื่อง


มติชนออนไลน์

ช็อก แก๊งค์ค้ายาเม็กซิโกสุดโหด แขวนคอ"สายตำรวจ"ห้อยบนสะพานมอเตอร์เวย์ เหยื่อ 1 รายรอด

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 10 มิ.ย.ว่า เกิดเหตุฆาตกรรมสยองชายสองรายถูกแขวนคอบนถนนมอเตอร์เวย์ ในเมืองมอนเตอร์เรย์ ประเทศเม็กซิโก ส่วนอีกรายอยู่ใต้สะพานของถนน นอกจากนี้ ยังมีชายอีกรายถูกแขวนมือห้อยบนถนนมอเตอร์เวย์ดังกล่าว แต่เคราะห์ดีได้รับการช่วยเหลือชีวิตได้

ผู้เห็นเหตุการณ์เปิดเผยกับตำรวจว่า เห็นกลุ่มมือปืนออกมาจากรถยนต์และโยนศพชายรายหนึ่งลงบนถนนเมื่อเวลา 10.00 น.บนถนนซึ่งเป็นเส้นทางพลุกพล่านด้วยยานยนต์ในเมืองมอนเตอร์เรย์ ที่ใหญ่เป็นอันดับสามของประเทศ โดยชายที่เสียชีวิตทั้งสามถูกพบว่าอยู่ในสภาพถูกทารุณและถูกยิง โดยมือทั้งสองข้างหน้าถูกมัดด้วยเทปพันท่อน้ำ นอกจากนี้ ศพชายรายหนึ่ง ที่คาดว่ามีอายุราว 20 ปี ยังถูกพบว่า มือถูกมัดพร้อมโทรศัพท์มือถือ ซึ่งคาดว่าเป็นสัญญลักษณ์ประจานว่า ชายผู้นี้เป็นสายของตำรวจ อย่างไรก็ตาม ถึงขณะนี้ ตำรวจเม็กซิโก ยังไม่สามารถพิสูจน์ว่าได้เหยื่อทั้งสามเป็นใคร

รายงานระบุว่า เมื่อวันอาทิตย์ ยังเกิดเหตุชายสองรายถูกแขวนคอจากสะพานลอยในเมืองนี้ รายหนึ่งยังถูกตัดขาด้วย โดยที่ผ่านมา เมืองมอนเตอร์เรย์ ได้เกิดเหตุรุนแรงเพิ่มขึ้นในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา หลังจากเกิดสงครามค้ายาระหว่างแก๊งยาเสพติด และก่อนหน้านี้ ยังเกิดเหตุรุนแรงในเมืองมิโกแคน ซึ่งเป็นถิ่นของแก๊งค้ายา"ลา ฟามิลเลีย โดยตำรวจได้พบศพเหยื่อ 20 รายถูกกองรวมกัน ในสถานที่ 6 แห่ง นอกเมืองโมเรเลีย คาดว่าจะเป็นฝีมือของแก๊งค้าเสพติด และเหยื่อเหล่านี้ดูเหมือนจะถูกจับแขวนคอและจับกดน้ำ และเต็มไปด้วยสภาพถูกทรมาน

นอกจากนี้ ในเมืองอคาปูโก้ ตำรวจยังพบศพเหยื่อ 10 ราย ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นศพชาย 8 ราย และหญิง 2 ราย ขณะที่ตำรวจเมืองนี้ยังเตรียมขุดพื้นที่บางแห่งเพื่อหวังค้นหาศพเพิ่มด้วย


มติชนนออนไลน์

เปิดรายชื่อ 10 อันดับผู้ชายที่สูญเงินจากการหย่ามากที่สุด !

รูเพิร์ต เมอร์ด็อก

ไทเกอร์ วู้ดส์จนลงราว 1 ร้อยล้านดอลลาร์จากการหย่าขาดจากภรรยา เอริน นอร์เดเกรน หลังกรณีซุกกิ๊กนับโหลขึ้นข่าวหน้าหนึ่งของสื่อทั่วโลก แต่เขาก็ยังไม่เข้าทำเนียบผู้ชาย 10 อันดับแรกที่ทรัพย์สินถูกเฉือนไปไปมากที่สุดเพราะการหย่าร้าง ซึ่ง"เธิร์ดเอจดอทคอม"รวบรวมไว้

10. เกรก นอร์แมน -103 ล้านดอลลาร์ เพื่อนร่วมอาชีพรุ่นพี่คนนี้คือผู้ทำให้ไทเกอร์ไม่ติดอยู่ใน 10 อันดับแรก นอร์แนมเขี่ยลอร่า แอนเดรสซี่ ภรรยาที่อยู่กินกันมา 25 ปีในปี 2549 ไปหาคริส อีเวิร์ท อดีตนักเทนนิสมือวางอันดับ 1 ของโลก

9. เนล ไดมอนด์ - 150 ล้านดอลลาร์ หลังแต่งงานกันมานาน 1 ใน 4 ศตวรรษ ไดมอนด์ซึ่งเป็นนักร้องและนักแต่งเพลงชื่อดังของสหรัฐก็ประกาศแยกทางกับภรรยา มาร์เซีย เมอร์ฟี่ในปี 2539 เพราะไปติดอกติดใจสาวคนใหม่ที่ชื่อ ราเชล ฟาร์ลีย์ซึ่งเป็นคนในวงการเพลงเช่นเดียวกัน

8. ไมเคิล จอร์แดน - 168 ล้านดอลลาร์ ผู้เล่นบาสเก็ตบอยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาลแยกทางกับฮวนนิต้า คู่ทุกข์คู่ยากนาน 17 ปีเมื่อปี 2549 โดยถือเป็นการแบ่งสินสมรสที่มูลค่าสูงที่สุดในหมู่คนดัง

7. ไมเคิล โปสกี้ - 184 ล้านดอลลาร์ ในปี 2550 ผู้ก่อตั้งบริษัทพลังงานลมอินเวอร์จีตัดสินใจแยกกันเดินกับมาย่า ภรรยานาน 31 ปี หลังพิสูจน์ให้ศาลเห็นว่าเธอคือคู่คิดและหุ้นส่วนในการสร้างธุรกิจของอดีตสามี เธอก็ได้รับส่วนแบ่งเป็นสินทรัพย์ครึ่งหนึ่งของ 368 ล้านดอลลาร์ที่โปสกี้ครอบครอง

6. โรมัน อับรัมโมวิช - 300 ล้านดอลลาร์ เขาเป็นหนึ่งในบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลกด้วยสินทรัพย์ 1.87 หมื่นล้านดอลลาร์ ภายใต้กฎหมายของรัสเซีย ไอริน่า ซึ่งเป็นภรรยาสามารถเรียกร้องเงินได้สูงสุดครึ่งหนึ่งที่เจ้าของทีมเชลซีถือ แต่เธอยอมยุติการฟ้องร้องที่ 3 ร้อยล้านดอลลาร์เท่านั้นซึ่งน้อยกว่า 5 % ของทรัพย์สินทั้งหมดที่อับรัมโมวิชมี

5. โรเบิร์ต จอห์สัน - 400 ล้านดอลลาร์ ผู้ก่อตั้งเครือข่าย BET และมหาเศรษฐีพันล้านเชื้อสายแอฟริกันคนแรกของสหรัฐหย่ากับเชียล่า ที่แต่งงานกันมากว่า 3 ทศวรรษในปี 2543 อย่างไรก็ตาม หลังแยกทางทั้งคู่ยังคงเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจต่อไป ต่อมาเธอแต่งงานใหม่กับวิลเลี่ยม นิวแมน ผู้พิพากษาที่เป็นประธานตัดสินคดีหย่าของเธอเอง

4. เกรก แมคคอว์ - 460 ล้านดอลลาร์ ผู้ก่อตั้งแมคคอว์ เซลลูลาร์ทางใครทางมันกับเวนดี้ในปี 2541 ไม่กี่ปีหลังขายธุรกิจให้กับเอที แอนด์ ที ในราคา 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเธอแบ่งเงินที่ได้มาซื้อหนังสือพิมพ์ซานตาบาบาร่า นิวส์ เพรสจากนิวยอร์ก ไทมส์

3. อัดนัน คาชอกกี้ - 874 ล้านดอลลาร์ ดีลเลอร์ค้าอาวุธชาวซาอุดิอาระเบียใช้เวลา 8 ปี (2517-2525) กว่าจะบรรลุข้อตกลงแบ่งสินสมรสกับภรรยา ซึ่งสำหรับโซราย่าแล้วการต่อสู้ครั้งนั้นเกินคุ้มกับสิ่งที่ได้มา

2. เบอร์นี แอคคีสโตน - 1-1.2 พันล้านดอลลาร์ เจ้าพ่อฟอร์มูลาวันแยกทางกับสลาวิก้า อดีตนางแบบจิออร์จิโอ อาร์มานีในปี 2551 แม้มูลค่าทะเบียนหย่าจะไม่เป็นที่เปิดเผยแต่คาดว่าเธอจะได้รับไปไม่น้อยกว่าหลักพันล้านดอลลาร์

และอันดับ1. รูเพิร์ต เมอร์ด็อก - 1.7 พันล้านดอลลาร์ หลังอยู่กินกันมา 32 ปีเจ้าพ่อสื่อชาวออสเตรเลี่ยนก็สลัดแอนนาทิ้ง พร้อมเงินปลอบใจเกือบ 2 พันล้านดอลลาร์ซึ่งประกอบด้วยเงินสด 110 ล้านดอลลาร์ สองสัปดาห์หลังจากนั้นเมอร์ด็อกไปซบอกสาวคนใหม่ที่อ่อนกว่าเขาเกือบ 40 ปี

มติชนออนไลน์