คำคมบาดใจ

1 - 2

เวรกรรมไม่เคยหมดอายุความ ไม่ว่าจะนานเพียงใด...ต้องชดใช้

พระเจ้าสร้างโลก ...สร้างชีวิตและสรรพสิ่งเหมือนจะเอาไว้เป็นสนามประลองความเชื่อ

ในความว่างเปล่า ลึกล้ำสุดประมาณที่สิ้นสุด บางสิ่งบางอย่างอยู่ที่นั่น...ที่รอยต่อของความคิดคำนึงกับจิตวิญญาณ ที่ซึ่งอารมณ์และความรู้สึก...พึ่งพา...พักพิง...

สมองพยายามที่จะลืมในสิ่งที่จิตวิญญาณจดจำ...หัวใจคร่ำครวญอยู่ตรงกลางนั้น...

พายุร้ายที่พัดโหมกระหน่ำ ไม่อาจทำลายล้างความว่างเปล่าได้เลยตราบใดที่ความว่างเปล่า...ยังคงว่างเปล่า

บางความรู้สึก...ไม่อาจที่จะลบล้างได้ด้วยกาลเวลา ไม่ว่าจะนานเท่าใด

แม้แต่พระเจ้าก็เคยพลาด มาแล้ว อย่างน้อยก็ครั้งหนึ่ง...ตอนที่สร้างโลก..

ความจริงต้องอยู่ที่ไหน สักแห่งหนึ่ง...ระหว่างพระเจ้ากับ...ซาตาน

ความมืดไม่มีพลังอำนาจ ......พอที่จะทำร้ายใครได้เงาดำที่ลอบหลบอยู่ข้างในนั้นต่างหากล่อลวง...ครอบงำ

ถ้าชีวิตยึดติดกับจิต วิญญาณ แล้วความรักเล่า...จะยึดติดกับซากหัวใจที่ยับเยินแหลกราญ...อย่างนั้น...นะหรือ

ครั้งหนึ่งพระเจ้า…อาจ จะเคยใส่หน้ากากซาตานครั้งนี้มันถึงได้แอบอ้างเป็นพระเจ้า...ปลดปล่อย

น้ำมักจะไหลลงสู่ที่ต่ำ เสมอน้ำตาก็เหมือนกัน

หัวใจเป็นแค่ก้อนเนื้อ เล็กๆ หรือมีเหล็กไหลผสมอยู่ จึงทานทนได้ถึงเพียงนี้

แค่ยอมที่จะตรอมตรม ยอมที่จะสูญเสีย ยอมที่จะมีชีวิตอยู่ แค่นั้นเอง......ไม่มีอะไรยิ่งใหญ่ไปกว่านั้นอีกแล้ว...ถ้าเพื่อคนผู้เป็นที่รัก

ณ มุมหนึ่งของหัวใจในด้านมืด มีเงาดำแอบลอบอยู่ และเมื่ออารมณ์อยู่เหนือจิตสำนึกซาตานร้ายก็พร้อม...ตะบบเหยื่อ

ความรัก…มักจะตกเป็น เหยื่ออันโอชะของซาตาน พระเจ้าทรงรู้ดี...เพราะพระองค์คือผู้วางเบ็ด

โลกคับแคบเกินไปไม่อาจ เก็บความทุกข์เอาไว้ได้ทั้งหมดแต่หัวใจกลับไม่เคยที่จะเพียงพอ อาณาจักรใจไร้ขอบเขต...หรือไฉน

บางครั้งชีวิตช่างกล้ำ กลืนตรอมตรม เสียจนไม่มีที่ว่างเหลือไว้ให้จดจำ……ความสุขใจ

ความเป็นไปได้มิได้ตก หล่นอยู่ตามริมทาง หรือร่วงลงมาจากฟากฟ้าได้เองนอกจากจะต้องสร้างมัน ...

นอกจากพระเจ้าแล้ว ก็มีแต่เพียงความพยายามเท่านั้นที่สามารถสร้างปราฏิหารย์ได้...

มีพบ...พลัดพราก มีโหยหา...ลืมเลือน มีเรืองรุ่ง...สูญสลายรักเป็นเช่นนี้...หรือมิใช่

อีกครั้งที่ความรัก ถูกกล่าวโทษอีกครั้งที่ความรักต้องตกเป็นจำเลยและอีกครั้งที่สันชาติญาณ...ลอยนวล

ในโลกนี้มีเรื่องราวมากมาย ที่รอการรับรู้ มีความจริงมากมายที่รอให้ปวดใจ

ระหว่างความเป็นกับความ ตาย หนาวเหน็บและ...เจ็บแปลบ

ชีวิตเกิดมาพร้อมกับลม หายใจ และจากไป...พร้อมกับลมหายใจเฮือกสุดท้าย…ด้วยเช่นกัน

ความคิดคำนึง...มโนภาพ ผ่านกำแพงกาลเวลา...

ความรักล่ามหัวใจไว้กับ ความผูกพัน กักขัง...รอคอยให้เวลา...ดูแล

ความจริงบางครั้งเหมือน ฝัน...ทั้งที่อยู่กันคนละโลก

ความปลื้มปิติกระทบความ ตื้นตัน...กลั่นตัวเป็นหยาดน้ำตา

ถ้าความรักคือการลงทุน การรอคอยก็เป็นส่วนหนึ่งของต้นทุน

เวลา ไม่เคยล่าช้าหรือมาก่อนกำหนด เวลาได้พิสูจน์แล้วเวลาได้ตอบคำถามแล้ว เวลาไม่เคยบิดเบือน

ความรัก…ทางผ่านของพระ เจ้าสู่มวลมนุษย์

ความรักเป็นเพียงความ รู้สึกหนึ่ง ที่ซุกซ่อนปะปนอยู่ในอารมณ์...มันไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมา...เพื่อประทังชีวิต

ความรักทรงอนุภาพ และมีความหมายอยู่ในตัวเอง...อยู่ได้ด้วยตัวเอง

ความเชื่อได้ผ่านการ ทดสอบแล้ว....ด้วยการศรัทธา...ชีวิต...

ตราบใดที่สมองยังคงสั่ง การ ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ จะหัวเราะหรือร้องไห้ความทรงจำไม่เคยลำเอียง...

แม้จะยื้อยุดหยุดวันและ เวลาเอาไว้ได้ ชีวิตก็ยังคงเป็น...ชีวิต ชีวิต...มีวงจร...ชีวิต

ความรัก... แม้ไม่ได้รับการนมัสการ แต่ก็ได้ถูกขนานนามไว้ในพระคัมภีร์

ในอ้อมกอดแห่งรัก ....วิญญาณพร้อมจะดับจิต

ปราฏิหารย์ใดกันแน่ ที่ทำให้ความปรารถนาของวันวานกลายกลับเป็นสิ่งที่ขมขื่นที่สุด...ในวันนี้

ความ รักไม่เคยต้องโทษ ความรักไม่ผิด...หัวใจไม่มีสิทธิ์กักขังหน่วงเหนี่ยว

กี่แสน ล้านฝัน กี่พันหมื่นหวัง ที่ความจริงได้เคยทำลายมาแล้ว...จนนับครั้งไม่ถ้วน

แม้แต่เรื่องาราวในพระคัมภีร์…ก็ยังไม่แน่ว่าจะเป็นเรื่องจริงหรือเท็จประสาอะไรกับคำสัญญา...ปากเปล่า

ทุกคน เกิดมามีภาระและหน้าที่ ...มีคนที่จะรัก...มีสัก สิ่งหนึ่งที่จะหวัง...และรอคอย

ดวงดาวที่ทอแสงประกายอยู่บนฟากฟ้า เมื่อร่วงลงมาสู่ดินก็ไม่ต่างไปจากเม็ดหินหรือกรวดทราย หาได้กลายเป็นเพชรนิลจินดาไม่

ชีวิต... แม้ไม่ได้ตั้งความหวังเอาไว้เลิศลอย ก็ใช่ว่าจะสมหวัง...ชีวิต...คาดหวังได้ แต่ไม่อาจคาดหมาย
เมื่อความ แน่นอนคือความไม่แน่นอน ชีวิต...จะหวังอะไร

ความจริงคือสิ่งที่เห็นและเป็นอยู่...ใครเล่า...ที่กล้าปฏิเสธตัวเอง

ชีวิตมีเส้นทางให้เลือกไม่มาก และถ้าหากมีโอกาสให้ได้เลือกใครบ้าง...จะปล่อยลอยหลุดไป