สันติภาพ และความเข้าใจ

คอลัมน์ ชั้น 5 ประชาชาติ

โดย นภาภรณ์ พิพัฒน์



ถือ โอกาสในช่วงวันหยุดฤดูใบไม้ผลิออกไปชม "ศาลาไทย" ที่ชานเมืองเมดิสัน พอเห็นถนัดตา ต้องยอมรับในความงามและความประณีตของช่างไทย แม้แต่ชาวต่างชาติที่แวะเวียนไปเที่ยวสวนพฤกษศาสตร์โอลบริช โบตานิเคิล ยังใช้เวลาสำรวจด้วยความสนใจและชื่นชมศาลาไทยหลังนี้อยู่เป็นนาน

ก่อน มาเมืองเมดิสัน ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับศาลาไทยมาคร่าว ๆ ว่ามาจากความคิดริเริ่มของสมาคมศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยวิสคอนซินแห่งประเทศไทย โดยหนึ่งในหัวเรี่ยวหัวแรงสำคัญ คืออาจารย์พงษ์ศักดิ์ พยัฆวิเชียร หรืออาจารย์ป๋อง แห่งเครือมติชน มอบให้แก่มหาวิทยาลัยวิสคอนซิน และเมืองเมดิสัน มีการทำพิธีมอบอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2545

ระหว่างเดินดูรอบ ๆ จะเห็นป้ายบรรยายรายละเอียดเรื่องที่น่ารู้เกี่ยวกับศาลา ไม่ว่าจะเป็นตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ จนถึงลวดลายและความหมาย อาทิ งานสลักรูปดอกบัวบนเพดานของศาลา ซึ่งสื่อความหมายของความสมบูรณ์และการรู้แจ้ง จนถึงรูปสลักนาคประดับเรียงรายรองรับหลังคาศาลา สื่อความหมายของอำนาจที่เหนือลมเหนือฝน

กำลังเพลินอ่านจากป้ายหนึ่ง ไปอีกป้าย ฉับพลันต้องย้อนกลับมาอ่านอีกครั้ง "เพื่อสันติภาพและความเข้าใจ" หรือ Building peace and understanding โดยนัยนั้น ศาลาไทยเป็น 1 ใน 3 สัญลักษณ์ที่แสดงถึงเอกลักษณ์ ความภาคภูมิใจในความเป็นไทย รวมถึงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

การสานสัมพันธ์อันดีด้วยสิ่งดี ๆ ที่เป็นสัญลักษณ์ของประเทศ แสดงถึงความจริงใจ และถือเป็นวัฒนธรรมอันดีงามมาแต่อดีต

คิดมาถึงตรงนี้ ก็คิดต่อไปได้ลำบาก เพราะขณะที่สายสัมพันธ์หนึ่งถักทอขึ้นที่เมืองเมดิสัน ภาพที่ได้เห็นจากเว็บไซต์ข่าวหนังสือพิมพ์จากเมืองไทย บอกเล่าความแตกร้าวระหว่างคนไทยด้วยกันมากขึ้นและหนักข้อทุกวัน เกินเลยคำว่าคิดต่างไปมากเหลือเกิน

การกระทำบอกทุกอย่างได้ดีกว่าคำ พูด แนวทางสันติ อหิงสา ถูกหักล้างด้วยการปิดล้อม ข่มขู่ และท่าทีคุกคาม สิ่งเหล่านี้กลายเป็นภาพที่เราได้เห็นกันบ่อยครั้งขึ้น ต่อยอดจากเรื่องราวในอดีตที่ยากจะลืมของการปะทะกันระหว่างคนบ้านเดียวกันที่ จังหวัดอุดรธานี

อะไรคือสาเหตุที่ทำให้คนไทยเปลี่ยนไป คนบ้านเดียวกันรักกันน้อยลง คนไทยด้วยกันแตกแยก และพร้อมทำลายล้างกัน

เพื่อ ประชาธิปไตยจริงหรือ หรือว่าเพื่ออำนาจ-เงินทอง หรือมีเหตุผลอื่นที่ยังค้นหาไม่เจอ หรือบอกไม่ได้

ปริศนานี้ถูกทิ้ง เอาไว้ และรอคอยคำตอบ ท่ามกลางเสียงวิเคราะห์ทั้งวี่ทั้งวัน ของผู้เชี่ยวชาญบ้าง อดีตนักการเมืองบ้าง ผู้จัดรายการบ้าง วนเวียนอยู่แค่ว่า รัฐบาลจะเลือกทำอย่างไร สลายผู้ชุมนุม หรือหลีกเลี่ยงการปะทะไปเรื่อย ๆ

ผู้เขียนก้าวข้ามคำตอบเหล่านี้ไป ตั้งแต่วันวาน ตั้งแต่เห็นแกนนำเสื้อแดงคนหนึ่งพาพรรคพวกบุกไปที่ทำการคณะกรรมการการเลือก ตั้ง (กกต.) ท่าทีและคำพูดในวันนั้นมีความหมายในการกระทำในตัว

ยิ่ง เห็นภาพนั้นซ้ำ ๆ และบ่อยครั้งขึ้นจากฟอร์เวิร์ดเมล์ที่บรรดาเพื่อน ๆ และคนรู้จักส่งมาให้ ยิ่งทำให้ภาพอนาคตประเทศไทยในจินตนาการของผู้เขียนไม่ต้องรอไปไกลถึง 5 ปี 10 ปีข้างหน้า บัดนี้ได้เป็นจริงแล้วตั้งแต่เมื่อวันวาน วันนี้ วันพรุ่งนี้ และในวันต่อ ๆ ไปในอนาคต

คนไทยกำลังอยู่กับความเครียดและภาวะเกือบ จะเป็นทางตันทางการเมือง !!!

ก่อนจากกันไป ขอปิดท้ายคอลัมน์ด้วยเนื้อหาบางตอนของบทกลอนบทหนึ่ง ซึ่งค้นหาได้จากโลกอินเทอร์เน็ต ผู้แต่งได้ตั้งชื่อไว้เปี่ยมด้วยความหมายดี ๆ "I Dream of a World of Peace"

เมื่อท่านได้อ่านความฝันนี้จบลง ลองถามตัวเองนะว่า ยังต้องการความฝันเช่นนี้อยู่บ้างไหม และทำอย่างไรจึงจะได้มา

I dream of a world of peace,

Where people can live a life of ease.

World where there is no difference between rich and poor,

Life being pleasant for living ever more.

I dream of a world of happiness,

Where there is no sight of selfishness.

Where each and everyone can get their needs,

And have belief in their deeds...