จิตแพทย์ชี้สื่อรักเอสเอ็มเอส ทำโจ๋ไทยติดเซ็กซ์เร็ว

Pic_62622

หลังวัยรุ่นชาย-หญิงกว่า 50% ยอมรับสื่อที่มีเนื้อหาทางเพศ มีอิทธิพลต่ออารมณ์ โดยเชื่อว่าการใช้อุปกรณ์ไฮเทคช่วยให้พูดคุย และคบแฟนง่ายขึ้น...

เมื่อวันที่ 2 ก.พ. พญ.ณัฏฐิณี ชินะจิตพันธุ์ จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่นสถาบันสุขภาพจิตและวัยรุ่นราชนครินทร์ เปิดเผยผลสำรวจเรื่อง "รู้ใจวัยรุ่นไทยสื่อรักวาเลนไทน์ 2010" ว่า จากการสำรวจวัยรุ่นชายหญิง จำนวน 1,320 คน ตั้งแต่ระดับชั้นมัธยมต้น-มหาวิทยาลัย จาก 10 สถาบัน ระหว่างวันที่ 5-12 ม.ค. 2553 โดยสอบถามเรื่องสื่อที่ใช้ในวันวาเลนไทน์ พบว่า มีการส่งข้อความสั้น(SMS) 61.8% บอกตรงๆ 52.3% ไฮไฟว์ 42% โปรแกรมเอ็มเอสเอ็น 37.7% อีเมล์(e-Mail) 32% สังคมออนไลน์เฟซบุ๊ค 15.1% จดหมาย ไปรษณีย์บัตร 9.6% เอ็มเอ็มเอส 8.8% บอกรักผ่านวิทยุ 3.9%

จิตแพทย์ เด็กฯ กล่าวต่อว่า พบว่ากลุ่มตัวอย่างวัยรุ่น 1 ใน 6 ยอมรับว่าติดไอที หรือ 60.5% โดย ยอมให้ผู้ปกครองดูภาพจากโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์ไอทีต่างๆได้ 72.6% เพราะคิดว่าบริสุทธิ์ใจ ไม่ปิดบัง เมื่อถามถึงความเสี่ยงด้านความรัก และความสัมพันธ์ที่มาจากเครื่องมือสื่อสาร ต่างๆ พบว่า วัยรุ่นส่วนใหญ่เชื่อว่าเครื่องมือเหล่านี้ทำให้เป็นแฟน หรือ คบกันได้ง่ายขึ้น และมีโอกาสพูดคุย รักกันง่ายขึ้น นอกจากนี้ วัยรุ่น เชื่อว่าระบบไอทีทำให้เกิดการมีเพศสัมพันธ์ได้ส่วนการได้รับสื่อด้านเพศ เมื่อได้รับแล้ว 72.%5 วัยรุ่นชาย 19.1% วัยรุ่นหญิง 12.8% ดูแล้วส่งต่อ และวัยรุ่นชาย 55% วัยรุ่นหญิง 55.6% ดูแล้วลบทิ้ง นอกจากนี้พบว่า วัยรุ่นทั้งชายและหญิงกว่า 50% เห็นว่าการได้รับสื่อที่มีเนื้อหาทางเพศ มีอิทธิพลต่ออารมณ์ทางเพศ

ด้าน พญ.วิมลรัตน์ วันเพ็ญ จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น สถาบันสุขภาพจิตและวัยรุ่นราชนครินทร์ กล่าวว่า การที่เด็กและวัยรุ่นได้รับสื่อต่างๆ จำนวนมาก ในหลายช่องทางเหมือน ขณะนี้ หากเป็นสื่อที่มีความรุนแรง มีเนื้อหาด้านเพศ เมื่อเห็นบ่อยๆ ก็จะเกิดความเคยชิน และเห็นว่าเป็นเรื่องธรรมดายอมรับได้สิ่งที่เกิดขึ้นได้ และหากเด็กไม่มีภูมิคุ้มกันที่เพียงพอก็จะนำสิ่งที่เห็นไปปฏิบัติตาม โดยครอบครัวต้องมีส่วนร่วมช่วยเหลือให้คำแนะนำ เพื่อให้เด็กสามารถเรียนรู้ และ แยกแยะได้ว่าเรื่องไหนควรทำไม่ควรทำ ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่าเครื่องมือไอทีต่างๆ เป็นสื่อที่ขยายความรุนแรงในวัยรุ่นให้เห็นชัดขึ้น

นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพจิตและวัยรุ่นราชนครินทร์ กล่าวว่า การสร้างภูมิคุ้มกันให้เด็กถือเป็นเรื่องสำคัญที่ทุกฝ่ายต้องช่วยกันโดย เฉพาะครอบครัว โดยโครงการต่อจากนี้จะมีการทำกิจกรรมรณรงค์ “ฉลาดรักยกกำลังสาม” รู้ใจ ไหวทัน ป้องกันได้ โดยเชื่อว่าอิทธิพลไอทีมีผลต่อเด็กอย่างมาก ทั้งเรื่องส่วนตัว การเรียน ครอบครัวและสังคม จำเป็นต้องสร้างความเข้าใจเพื่อใช้ป้องกันปัญหา ที่จะมีการใช้ดารา นักแสดง และบุคคลที่เป็นแบบอย่าง เช่น แพนเค้ก เขมนิจ จามิกร เวียร์ ศุกลวัฒน์ รศ.สุนีย์ สิทธุเดชะ โต๋ ศักดิ์สิทธิ์ เวชสุภาพร ซิโก้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ฯลฯ มาช่วยรณรงค์สื่อรักสร้างสรรค์ โดยการส่งข้อความ SMS ให้เยาวชนด้วย

-ไทยรัฐ