ฮือฮา! คลิปแม่สุนัขเลี้ยงลูกไลเกอร์ที่จีน





หลังแม่เสือได้ทิ้งไปเมื่อเดือนก่อน

25พ.ค.54 รางานข่าวเผยคลิปวิดีโอภาพขณะที่แม่สุนัขตัวหนึ่งที่เพิ่งออกลูกกำลังนอนให้นมกับลูกไลเกอร์ 2ตัวอยู่ในสวนสัตว์แห่งหนึ่งในมณฑลซานตง ของจีน

โดยเจ้าหน้าที่สวนสัตว์เผยว่า เมื่อเดือนก่อนสวนสัตว์ได้มีไลเกอร์เกิดใหม่ 4ตัวที่เกิดจากแม่เสือ จากนั้นแม่ของมันก็ทิ้งลูกๆ ของมันไปโดยไม่ทราบสาเหตุ จนทำให้ลูกไลเกอร์ 2 ใน4 ตัวเสียชีวิตลง

ประกอบกับช่วงเวลานั้นมีสุนัขตัวหนึ่งเพิ่งคลอดลูกไป ทางสวนสัตว์จึงตัดสินใจลองให้ลูกไลเกอร์ที่เหลือทานนมจากแม่สุนัขเพื่อให้พวกมันได้มีชีวิตอยู่รอด แม่ตอนแรกพวกมันจะไม่คุ้นเคยก็ตาม

ทั้งนี้ไลเกอร์เป็นสัตว์ชนิดหนึ่งที่เกิดจากการผสมพันธุ์ข้ามสายพันธุ์ระหว่างเสือ และสิงโต ซึ่งบางครั้งมักจะเกิดการผสมพันธุ์กันเองโดยทางสวนสัตว์ไม่ได้ตั้งใจ

Mthai News

เห็นชัดๆ วินาทียุงดูดเลือด



เผยมันใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 1 นาทีก่อนที่มันจะบินหนีไป

25พ.ค.54 เผยคลิปวิดีโอ จังหวะการดูดเลือดของยุงตัวหนึ่ง ตั้งแต่มันเริ่มต้นแทงปากเข้าไปบริเวณผิวหนังของคน ก่อนที่มันจะดูดเลือดจนท้องป่องแล้วบินหนีไป

โดยคลิปนี้เป็นการถ่ายภาพในลักษณะระยะประชิดหรือการซูมภาพ ที่เผยให้เห็นวงจรชีวิตของสัตว์ชนิดหนึ่งที่เรียกว่ายุงอย่างชัดเจน ซึ่งเจ้ายุงตัวนี้มันใช้เวลาประมาณ 1นาทีในการจัดการอาหารมื้อสำคัญของมันครั้งนี้

Mthai News

นักเรียนหญิงชนะสิทธิสามารถฟัง"ไอพอด"ในห้องสอบ อ้างเหตุผล"ทำให้มีสมาธิ"



สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 24 พ.ค.ว่า นักเรียนหญิงรายหนึ่งประจำโรงเรียน"แมรี่ เออร์สไกน์"ในเมืองเอดินเบอะห์ ของสก๊อตแลนด์ ชนะสิทธิสามารถฟัง"ไอพอด"ในห้องสอบได้ ด้วยเหตุผลว่า การฟังเพลงโปรดในไอพอดดังกล่าวทำให้เธอมีสมาธิในการสอบ โดยเธอชนะสิทธินี้หลังจากขู่จะฟ้องศาลต่อดำเนินคดีทางกฎหมายในข้อหาละเมิดกฎหมายความเท่าเทียมกัน และส่งผลให้โรงเรียนต้องเป็นฝ่ายซื้อไอพอดและโหลดบรรดาเพลงโปรดให้เธอฟัง เพื่อป้องกันการโกงข้อสอบ


โดยก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่โรงเรียนได้ปฎิเสธคำขอของนักเรียนหญิงรายนี้ เนื่องจากเกรงว่าจะเป็นการเปิดโอกาสให้เธอได้โกงข้อสอบ แต่พ่อแม่ของเธอได้นำเรื่องนี้มาฟ้องต่อคณะกรรมการตรวจสอบคุณสมบัติของสก๊อตแลนด์


ซึ่งได้บอกปัดไป แต่คณะกรรมการฯต้องถอนการบอกปัดโดยอนุญาตให้นักเรียนหญิงรายนี้สามารถฟังไอพอดได้ในห้องเรียน ในสถานที่ไม่มีเนื้อหาอื่นนอกเหนือจากเพลงบรรจุอยู่ หลังจากเธอขู่จะฟ้องหน่วยงานด้วยกฎหมายสิทธิแห่งความเท่าเทียม


รายงานระบุว่า เป็นที่รู้ว่า เจ้าหน้าที่โรงเรียนไม่ชอบใจกับคำตัดสินดังกล่าว แต่ก็ต้องปฎิบัติตาม โดยโรงเรียนจะจัดเตรียมที่นั่งให้แก่นักเรียนหญิงผู้นี้นั่งฟังไอพอดขณะสอบ แต่จะนั่งห่างจากนักเรียนคนอื่น ๆ เพื่อปกป้องการรบกวนผู้อื่น


ด้านเจ้าหน้าที่บางรายออกมาโวยว่า ทุกคนไม่พอใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ เพราะมันจะมีต่อนัยยะสำคัญ เพราะต่อไปเด็กนักเรียนก็จะแห่ปฎิบัติเยี่ยงเดียวกับนักเรียนหญิงรายนี้่เช่นกัน และต่อไปนี้โรงเรียนในสก๊อตแลนด์จะไม่มีสิทธิห้ามเด็กนักเรียนพกไอพอดเข้าห้องสอบอีกต่อไปแล้ว ทั้งนี้ ปัจจุบัน โรงเรียนสก๊อตแลนด์ทั่วประเทศได้มีกฎห้ามนักเรียนพกไอพอดเข้าห้องสอบ


วันที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2554 มติชนออนไลน์

ผลศึกษาพบ"ผู้หญิง"มองผู้ชายนักเลง-เงียบขรึม มีเสน่ห์ทางเพศกว่าคนชอบยิ้ม-มีความสุข

ผลสำรวจโดยมหาวิทยาลัยบริติช โคลัมเบีย เปิดเผยว่า จากการศึกษากลุ่มสำรวจชายหญิงวัยผู้ใหญ่กว่า 1,000 คน พบข้อมูลที่สวนกระแสความเชื่อเดิม โดยพบว่า ผู้หญิงจะชอบผู้ชายยิ้มหรือความสุขน้อยที่สุด แต่จะประทับใจกับผู้ชายที่แลดูเป็นนักเลงหรือมีบุคลิกเงียบขรึมมากกว่า โดยผู้หญิงจำนวนมากที่ตอบแบบสำรวจมองว่า ผู้ชายสองประเภทนี้แลดูมีเสน่ห์ดึงดูดทางเพศมากที่สุด นอกจากนี้ ผู้หญิงยังชอบผู้ชายที่ภูมิใจในตนเองและมีอำนาจ และผู้ชายขี้อายและขี้หงุดหงิดด้วย

โดยในการศึกษาครั้งนี้ กลุ่มผู้สำรวจได้ให้อาสาสมัครตอบแบบสอบถามดูรูปใบหน้าผู้คนในลักษณะต่างกัน เช่น หน้ายิ้ม หน้าภูมิใจ และหน้าขี้อาย ปรากฎว่า อาสาสมัครหญิงจะชอบรูปกลุ่มชายใบหน้ายิ้มน้อยที่สุด ส่วนผู้ชายจะชอบกลุ่มผู้หญิงที่ยิ้มและแลดูมีความสุขมากที่สุด


ขณะเดียวกัน ผู้ชายจะชอบผู้หญิงที่แลดูมีความสุข เพราะเห็นว่าพวกเธอมีแรงดึงดูดทางเพศมากที่สุด ในทางกลับกัน พวกเขาจะชอบผู้หญิงที่แลดูหยิ่งและมั่นใจในตัวเองน้อยที่สุด

ศาสตราจารย์เจสสิก้า เทรซี่ หัวหน้าคณะวิจัยชุดนี้ ระบุว่า ในขณะที่ใบหน้ามีความสุขถูกเชื่อว่าเป็นคุณสมบัติสำคัญของการมีปฎิสัมพันธ์ในวงสังคม รวมทั้งการดึงดูดใจทางเพศด้วย แต่ผลศึกษาที่ออกมากลับพบว่า ใบหน้าที่มีรอยยิ้ม ไม่ใช่สิ่งที่มีเสน่ห์ และว่าการศึกษานี้ยังพบว่า ผู้ชายและผู้หญิงตอบสนองการแสดงอารมณ์ รวมทั้งรอยยิ้ม ในลักษณะที่แตกต่างกันอีกด้วย

มติชนออนไลน์

อินเดียเดือดประท้วงเผาธงชาติออสเตรเลีย หลังแฟชั่นนางแบบสวมชุดว่ายน้ำเซ็กซี่"พระลักษมีเทวี"



สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 10 พ.ค.ว่า ชาวอินเดียในเมืองอมฤตสา ในแคว้นปัญจาบ ได้เดินขบวนไปตามท้องถนน และจุดไฟเผาธงชาติออสเตรเลีย เพื่อแสดงความโกรธแค้นและเป็นการประท้วงกรณีงานแฟชั่นโชว์ของชุดว่ายน้ำ "ลิซ่า บลู" ที่สร้างความฮือฮาด้วยการให้นางแบบสวมชุดเป็นรูปพระลักษมีเทวี เดินแบบบนเวทีแคทวอล์ค พร้อมทั้งเรียกร้องให้เรียกคืนชุดบิกินีดังกล่าวทั้งหมด โดยแฟชั่นดังกล่าวซึ่งมีขึ้นที่กรุงซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และตกเป็นข่าวในอินเดีย ได้สร้างปฎิกิริยาความไม่พอใจให้แก่ชาวอินเดียทั่วไป เนื่องจากเห็นว่า พระลักษมีเทวี เป็นเทพศักดิ์สิทธิ์แห่งความมั่งคั่งและการเจริญพันธุ์ และไม่สมควรถูกนำมาใช้ในลักษณะข้องเกี่ยวกับความเซ็กซี่เช่นนี้



อย่างไรก็ตาม ภายหลังเหตุการณ์ประท้วงเดือด "ลิซ่า"บลู" ได้ออกแถลงการณ์ขอโทษโดยทันที พร้อมทั้งสัญญาว่า จะไม่ผลิตชุดบิกินีดังกล่าวออกจำหน่ายอีก



ด้านนายราจาน เซด รัฐบุรุษชาวฮินดู ให้สัมภาษณ์ผ่านหนังสือพิมพ์ "เดลี่ เทเลกราฟ" ว่า การขอโทษดังกล่าว ถือเป็นการกระทำที่เหมาะสมแล้ว และว่า เป็นสิ่งที่น่าขุ่นเคืองใจที่ชาวฮินดูได้เห็นพระลักษมีเทวีซึ่งเป็นเคารพ สักการะอย่างสูง ปรากฎบนชุดว่ายน้ำ และชี้ว่า พระลักษมีเทวี ได้ถูกใช้สักการะตามวิหารหรือบ้านเรือน และไม่ควรถูกบริษัทเครื่องแต่งกายนำมาใช้ด้วยจุดประสงค์แห่งความละโมบทางธุรกิจ

มติชนออนไลน์ วันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

เจ๊งเลย ทหารอัฟกัน ซุ่มซ่ามทำถ้วย "เอฟเอ คัพ" หล่นจนฝาถ้วยเบี้ยว!!!



สำนักข่าวเดอะซันเผยแพร่ภาพ ทหารอัฟกานิสถานพลาดทำฝาถ้วยเอฟเอ คัพ หนึ่งในถ้วยรางวัลฟุตบอลที่เก่าแก่ที่สุดในโลกหล่น ขณะที่กำลังชูถ้วยดีใจหลังจากที่เตะฟุตบอลกระชับมิตรกับทางสต๊าฟฟ์โค้ขของ ทีมชาติอังกฤษ รวมถึง สจ๊วต เพียร์ซ ผจก.ทีมชาติอังกฤษชุดอายุต่ำกว่า 21 ปี


รายงานข่าวเผยแพร่ภาพวีดีโอที่ระบุว่าเป็นกลุ่มทหารอัฟกานิสถานในชุด กีฬากำลังร่าเริง ชูถ้วยเอฟเอ คัพ ขึ้นมา เหนือศีรษะ แต่ไม่รู้อีท่าไหน ชิ้นส่วนฝาถ้วยดันลอยย้อนหลังศีรษะตกลงกับพื้นอย่างจัง จนเหล่าสต๊าฟฟ์โค้ชทีมชาติอังกฤษที่สวมเสื้อกั๊กฝึกซ้อมของทีมอังกฤษ ตกใจเอามือคลุมศีรษะกันเป็นแถว


โดยหลังจากที่นำถ้วยมาตรวจสอบดูแล้ว พบว่า ตรงส่วนยอดของถ้วยนั้นเอียงอย่างเห็นได้ชัด อย่างไรก็ตาม ทางช่างเทคนิกที่ทำงานในกองทัพเผยว่า ฝาถ้วยสามารถซ่อมแซมได้


ด้าน สจ๊วต เพียร์ซ โค้ชของทีมชาติอังกฤษชุดอายุต่ำกว่า 21 ปี ที่เดินทางไปที่แคมพ์ทหารระหว่างการทัวร์ก็อารมณ์ดีโพสต์ท่าล้อเลียนถ่ายรูป กับถ้วยอย่างสนุกสนาน


ถ้วยเอฟเอ คัพ ใบนี้เป็นถ้วยที่ถูกทำขึ้นเป็นใบที่ 4 ซึ่งใช้เป็นถ้วยรางวัลมาตั้งแต่ปี 1992 นับตั้งแต่ถ้วยใบแรกถูกสร้างขึ้นในการแข่งขันครั้งแรกเมื่อปี 1871



การแข่งขันฟุตบอลเอฟเอ คัพ นัดชิงชนะเลิศ ประจำฤดูการแข่งขันนี้ จะเป็นการพบกันระหว่างสโต๊ค ซิตี้ กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในวันที่ 14 พ.ค. โดยยังไม่ได้มีการเปิดเผยว่า ทางผู้จัดการแข่งขันจะแก้ไขซ่อมแซมสภาพถ้วยที่ได้รับความเสียหายอย่างไร





ทั้งนี้ ทหารอัฟกันผู้นี้ ไม่ได้เป็นคนเดียวที่เคยทำชิ้นส่วนของถ้วยหล่น ก่อนหน้านี้ สตีฟ แม็คมานามาน ตำนานปีกทีมชาติอังกฤษของลิเวอร์พูล ก็เคยทำฝาถ้วยตกมาแล้ว แต่ยังโชคดีที่พื้นปูด้วยพรม

มติชนออนไลน์

ดารา-นางแบบสาวมุสลิมเชื้อตุรกี เปลือยอกลง "เพลย์บอย" เพื่อเป็นแรงบันดาลให้หญิงบ้านเกิดใจกล้า

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 16 เม.ย.ว่า ซิลา ชาฮิน นางแบบและดารานักแสดงชาวเยอรมันเชื้อชาติตุรกี ที่ประสบความสำเร็จในละครเรื่อง "Good Times Bad Times" ของสถานีโทรทัศน์ในประเทศเยอรมนี สร้างความฮือฮาด้วยการถ่ายภาพเปลือยโชว์หน้าอกลงนิตยสารเพลย์บอย โดยเจ้าตัวประกาศว่า จุดประสงค์ที่ถ่ายนู้ดเช่นนี้เพื่อต้องการปลดปล่อยตัวเองให้เป็นอิสระ จากกฎเกณฑ์ข้อบังคับที่เคยผูกมัดเธอตั้งแต่ในวัยเด็ก

รายงานระบุว่า ที่ผ่านมา ซิลา ได้สร้างความภูมิใจให้แก่ชาวมุสลิมในฐานะเป็นชาวมุสลิมหญิงที่ประสบความ สำเร็จด้านธุรกิจบันเทิงของตะวันตก แต่การกระทำล่าสุดของเธอดูเหมือนจะสร้างความช็อกให้แก่แฟนๆ ร่วมศาสนา โดยเธอประกาศความตั้งใจที่จะใช้ภาพถ่ายดังกล่าวเป็นปากเสียงเรียก ร้องเสรีภาพให้หญิงตุรกี ซึ่งได้รับผลกระทบจากกฎเกณฑ์เคร่งครัด แม้กระทั่งการเลือกสามีซึ่งไม่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง แต่ต้องถูกครอบครัวจับ คลุมถุงชน

ดารานางแบบผู้นี้กล่าวว่า สารของเธอที่ต้องการจะสื่อถึงผู้หญิงตุรกี ก็คือ มันนานแล้วที่เธอพยายามทำทุกอย่างให้ถูกต้อง และว่า เธออยากจะให้ภาพดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า หญิงสาวตุรกีสามารถเลือกได้ว่าจะใช้ชีวิตอย่างไร

"คนส่วนใหญ่ในประเทศของฉันคิดว่าเป็นเรื่องเยี่ยมที่สามารถใช้ชีวิตได้ อย่างอิสระ และด้วยรูปถ่ายนี้ ฉันหวังจะบอกพวกเขาว่า เราไม่จำเป็นที่จะต้องอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ที่บังคับควบคุมเรา"

นอกจากนี้ ซิลา ยังกล่าวด้วยว่า เพื่อนๆ ของเธอประทับใจต่อการกระทำของเธอ

อย่างไรก็ตาม ภาพดังกล่าวสร้างความตกตะลึงให้แก่ครอบครัวของเธอ โดยแม่ของซิลาถึงกับประกาศตัดความสัมพันธ์กับบุตรสาว

ส่วนบิดาของเธอ ก็วิตกว่า การกระทำของซิลาจะไม่เพียงแต่สร้างความไม่พอใจให้แก่ชุมชนชาวตุรกีในเยอรมนี แต่ยังอาจกระทบต่อชุมชนมุสลิมโดยรวมในระดับกว้างขวางขึ้นด้วย ขณะที่เจ้าตัวได้แต่วิงวอนให้มารดาและบิดาเข้าใจถึงเหตุการณ์ที่เธอต้องลุก ขึ้นมาถ่ายภาพนู้ด

"ฉันหวังว่า พวกท่านจะอภัยให้ฉัน และยอมให้ฉันกลับบ้าน" ดารานางแบบผู้นี้กล่าว


มติชนออนไลน์

สหรัฐฯเปิดตัวระบบเตือนภัยธรรมชาติ-ก่อการร้ายจากปธน.โอ บามาผ่านมือถือ

รัฐบาลสหรัฐฯเปิดตัวระบบแจ้งเตือนภัยในระบบข้อความ โทรศัพท์จากประธานาธิบดีบารัค โอบามา และหน่วยงานรัฐบาล ส่งตรงถึงผู้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ทั่วประเทศ

บริการดังกล่าวเรียกว่า "เครือข่ายเตือนภัยจำกัดเฉพาะบุคคล" หรือ Personal Localized Alerting Network (PLAN) ซึ่งเป็นบริการแบบไม่คิดมูลค่า มีกำหนดการให้บริการที่นครนิวยอร์กภายในสิ้นปีนี้ และทั่วประเทศภายในเดือนเมษายนปีหน้า

โดยระบบจะส่งข้อความฉุกเฉินเกี่ยวกับเหตุการก่อการร้าย ภัยพิบัติทางธรรมชาติ และเหตุฉุกเฉินต่าง ๆ ซึ่งจะถูกส่งผ่านระบบของบริษัทที่เข้าร่วมโครงการ อาทิ เอทีแอนด์ที สปรินท์ ที-โมบายล์ และเวอริซอน

นายจูเลียส เกนาโชวสกี ประธานคณะกรรมการการสื่อสารกลาง กล่าวระหว่างการแถลงข่าวที่พื้นที่กราวด์ซีโร สถานที่เกิดเหตุวินาศกรรมเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2001 ว่า ระบบนี้จะก่อให้เกิดประโยชน์อย่างใหญ่หลวงในช่วงที่เกิดภัยพิบัติ เช่น เหตุทอร์นาโดถล่มรัฐอลาบามาเช่นครั้งที่ผ่านมา ซึ่งเวลาเป็นนาที หรือแม้แต่วินาที มีความหมายอย่างมากระหว่างความเป็นกับความตายของประชาชน

ข้อความจะถูกจะส่งไปยังพื้นที่เป้าหมาย ไม่ได้ส่งไปยังผู้ลงทะเบียนใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ทุกคน โดยโทรศัพท์แบบสมาร์ทโฟนถือเป็นโทรศัพท์แบบเดียวที่สามารถใช้บริการเช่นนี้ ได้ ทั้งนี้ ข้อความที่ส่งมีความยาว 90 ตัวอักษร ประกอบด้วยการเตือน 3 ประเภทคือ การเตือนจากประธานาธิบดีสหรัฐฯ การเตือนภัยฉุกเฉินด้านความปลอดภัย และการเตือนภัยลักพาตัว อีกทั้งบริษัทที่เข้าร่วมโครงการอาจอนุญาตให้ผู้ใช้บล็อคข้อความทั้งหมดได้ ยกเว้นจากผู้นำสหรัฐฯ

มติชนออนไลน์

ท็อป 20 บริษัทโกยกำไรสูงสุด



ด้วยราคาน้ำมันที่พุ่งทะลุ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลอีกครั้งเอ็กซ์ซอนจึงกลายเป็นองค์กรที่รับกำไรเข้ากระเป๋า สูงสุดเป็นปีที่ 8 ติดต่อกันในบรรดาบริษัทในลิสต์ฟอร์จูน 500 ซีเอ็นเอ็นมันนี่รวบรวมรายชื่อองค์กรที่ผลประกอบการออกมาดีที่สุดในปี 2553


1. เอ็กซ์ซอน โมบิล อันดับในฟอร์จูน 500: 2 , กำไร 3.05 หมื่นล้านดอลลาร์
2. เอที แอนด์ ที อันดับในฟอร์จูน 500: 12 , กำไร 1.99 หมื่นล้านดอลลาร์
3. เชฟรอน อันดับในฟอร์จูน 500: 3 , กำไร 1.9 หมื่นล้านดอลลาร์
4. ไมโครซอฟท์ อันดับในฟอร์จูน 500: 38 , กำไร 1.88 หมื่นล้านดอลลาร์
5. เจพี มอร์แกน เชส แอนด์ โค อันดับในฟอร์จูน 500: 13 , กำไร 1.74 หมื่นล้านดอลลาร์
6. วอล-มาร์ต อันดับในฟอร์จูน 500: 1 , กำไร 1.64 หมื่นล้านดอลลาร์
7. ไอบีเอ็ม อันดับในฟอร์จูน 500: 18 , กำไร 1.48 หมื่นล้านดอลลาร์
8. แอปเปิล อันดับในฟอร์จูน 500: 35 , กำไร 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์
9. จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน อันดับในฟอร์จูน 500: 40 , กำไร 1.33 หมื่นล้านดอลลาร์
10. เบิร์กไชร์ แฮตธาเวย์ อันดับในฟอร์จูน 500: 7 , กำไร 1.3 หมื่นล้านดอลลาร์
11. พรอกเตอร์ แอนด์ แกมเบิล อันดับในฟอร์จูน 500: 26 , กำไร 1.27 หมื่นล้านดอลลาร์
12. เวลล์ ฟาร์โก้ อันดับในฟอร์จูน 500: 23 , กำไร 1.24 หมื่นล้านดอลลาร์
13. โคคา-โคลา อันดับในฟอร์จูน 500: 70 , กำไร 1.18 หมื่นล้านดอลลาร์
14. เจนเนอรัล อิเล็กทริกอันดับในฟอร์จูน 500: 6 , กำไร 1.16 หมื่นล้านดอลลาร์
15. อินเทล อันดับในฟอร์จูน 500: 56 , กำไร 1.15 หมื่นล้านดอลลาร์
16. โคโนโคฟิลลิปส์ อันดับในฟอร์จูน 500: 4 , กำไร 1.14 หมื่นล้านดอลลาร์
17. ซิตี้ กรุ๊ป อันดับในฟอร์จูน 500: 14 , กำไร 1.06 หมื่นล้านดอลลาร์
18. ฮิวเล็ตต์-แพ็คการ์ด อันดับในฟอร์จูน 500: 11 , กำไร 8.8 พันล้านดอลลาร์
19. กูเกิล อันดับในฟอร์จูน 500: 92 , กำไร 8.5 พันล้านดอลลาร์
20. โกลแมน แซค อันดับในฟอร์จูน 500: 54 , กำไร 8.4 พันล้านดอลลาร์

ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

ระทึก ฟ้าผ่า "เครื่องบินแอร์บัส" บรรทุกนักเดินทาง 500 ชีวิต เหลือเชื่อผู้โดยสารรอดทั้งลำ



สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 11 พ.ค.ว่า ช่างภาพรายหนึ่งเปิดเผยภาพเหตุการณ์ระทึกขวัญ เครื่องบินแอร์บัส รุ่น A380 บรรทุกผู้โดยสาร 500 คน ถูกฟ้าผ่าขณะกำลังบินลงจอดยังสนามบินฮีทโธรว์ ประเทศอังกฤษ โดยฟ้าผ่าที่รุนแรงได้ฟาดผ่านลำตัวของเครื่องบิน แต่ปรากฎว่า เครื่องบินปลอดภัยไม่ได้รับอันตรายใด ๆ จากเหตุระทึกดังกล่าว โดยเครื่องบินได้จอดลงบนรันเวย์อย่างปลอดภัย ไม่มีร่องรอยความเส่ียหายใด ๆ จากฟ้าผ่า และลูกเรือพร้อมผู้โดยสารทั้งลำก็ปลอดภัย

รายงานระบุว่า ภาพเหตุการณ์ดังกล่าวถูกบันทึกไว้โดยนายคริส ดอว์สันช่างภาพ เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยเขาบอกว่า ตนเองได้เห็นเมฆพายุ และคิดว่า สภาพดังกล่าวน่าจะทำให้เกิดฟ้าผ่าได้

อย่างไรก็ตาม นายเดวิด เลอร์มอนท์ บรรณาธิการนิตยสาร "Flightglobal" บอกว่า เขาไม่รู้สึกแปลกใจแต่อย่างใด ที่เครื่องบินดังกล่าว สามารถรอดพ้นอันตรายจากการถูกฟ้าผ่า เพราะในความเป็นจริงแล้ว เครื่องบินต่าง ๆ ก็ถูกฟ้าผ่าหลายครั้งต่อปี เนื่องจากเครื่องบินเป็นเหมือนสายล่อฟ้า โดยลำตัวของเครื่องบินจะมีโลหะประกอบไว้เพื่อเป็นเหมือนสายล่อฟ้า เพื่อให้ไฟฟ้าสามารถลอดผ่านไปได้ แต่หากเครื่องบินไม่มีโลหะดังกล่าว เมื่อถูกฟ้าผ่าก็จะระเบิดทันที



วันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2554 มติชนออนไลน์

ชายหนุ่มคิดสั้นกระโดดตึกสูงที่สุดในโลกฆ่าตัวตาย



เกิดเหตุชายคนหนึ่งฆ่าตัวตายด้วยการกระโดดจากอาคารเบิร์จ คาลิฟา ตึกระฟ้าที่มีความสูงที่สุดในโลก ที่นครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์



ตามข้อมูลจากสื่อมวลชนท้องถิ่นรายงานว่า ชายวัย 20 ปีเศษ กระโดดลงมาจากชั้นที่ 147 ของอาคารเบิร์จ คาลิฟา ก่อนตกลงมาเสียชีวิตบนระเบียงของชั้นที่ 108 ด้านบ.อีมาร์ พร็อพเพอร์ตี้ ในฐานะเจ้าของอาคารเบิร์จ คาลิฟา ยืนยันในแถลงการณ์เมื่อเวลาประมาณ 09.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นว่า เกิดเหตุการฆ่าตัวตายจริง โดยผู้เสียชีวิตเป็นเพศชาย และขณะนี้กำลังรอรายงานอย่างเป็นทางการ



ขณะที่เว็บไซต์ข่าวกัลฟ์ นิวส์ อ้างคำกล่าวของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นที่รายงานว่า ชายคนดังกล่าวตัดสินใจกระโดดตึกฆ่าตัวตาย หลังมีปากเสียงกับนายจ้าง เนื่องจากไม่ได้รับอนุญาตให้หยุดงานตามที่ร้องขอ โดยเขากระโดลงมาจากชั้น 147 และตกลงมากระแทกระเบียงของชั้น 108 ซึ่งนับเป็นเหตุการฆ่าตัวตายครั้งแรกของอาคารที่สูงที่สุดในโลกแห่งนี้



ตามข้อมูลของบ.อีมาร์ พร็อพเพอร์ตี้ อาคารแห่งนี้มีความสูง 828 เมตร หรือ 160 ชั้น โดยมีจุดชมวิวอยู่บริเวณชั้น 124 และเป็นที่ตั้งของร้านอาหารที่อยู่สูงที่สุดในโลก บริเวณชั้น 122 ทั้งนี้ นอกเหนือจากการเป็นเจ้าของตำแหน่งตึกที่สูงที่สุดในโลกแล้ว ยังถือเป็นสิ่งก่อสร้างแบบเดี่ยวที่สูงที่สุดในโลกอีกด้วย

วันที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2554 มติชนออนไลน์

ทำไมเราถึงเฉลิมฉลองการฆ่า(บิน ลาดิน)?

เมื่อเร็ว ๆ นี้ โจนาธาน ไฮดท์ แห่ง "นิวยอร์ค ไทมส์" ได้เขียนบทความชื่อว่า “Why We Celebrate a Killing” ซึ่งมีเนื้่อหาเกี่ยวกับการปลิดชีพ นายโอซามา บิน ลาดิน หัวหน้ากลุ่มก่อการร้ายอัล เคด้า "มติชน ออนไลน์" ได้แปลบทความดังกล่าวมาเผยแพร่ต่อ ดังนี้

......................................................................................................................................

ชายคนหนึ่งถูกยิงตาย และ 7,000ไมล์ห่างจากนั้นก็ได้มีการเฉลิมฉลองอย่างเอิกเกริก

แม้ว่าชาวอเมริกันจะเห็นว่าการตายของโอซามา บิน ลาดิน เป็นเรื่องดี แต่ก็มีชาวอเมริกันจำนวนไม่น้อยที่รู้สึกไม่สบายใจกับความครึกครื้นดังกล่าว เราควรจะถามหาความยุติธรรมมิใช่หรือ ไม่ใช่การล้างแค้น … ไม่ใช่ มาร์ติน ลูเธอร์ คิง หรอกหรือ ที่กล่าวว่า "ข้าพเจ้าจะไว้อาลัยให้กับการสูญเสียชีวิตอันมีค่านับพันชีวิต แต่ข้าพเจ้าจะไม่ร่าเริงยินดีกับความตายของชีวิตสักชีวิตหนึ่ง แม้ว่าชีวิตนั้นจะเป็นของศัตรูก็ตาม"

ทำไมชาวอเมริกันจำนวนมากถึงไม่ค่อยเต็มใจจะเข้าร่วม“งานปาร์ตี้”ครั้งนี้ นัก ในฐานะจิตแพทย์ ผมเชื่อว่าหนึ่งในสาเหตุสำคัญก็คือ พวกเราบางคนมีความเห็นต่อเหตุการณ์ระดับชาติครั้งนี้โดยใช้สัญชาตญาณทาง ศีลธรรมแบบเดียวกับที่เราใช้ในกรณีของอาชญากรทั่วๆไป ตัวอย่างเช่น คุณลองจินตนาการดูสิ ว่ามันเหมาะสมหรือไม่ ที่พ่อแม่จะเฉลิมฉลองการประหารชีวิตชายผู้ฆ่าลูกสาวของตน ด้วยการฉีดยาพิษ

แน่นอน คนที่เป็นพ่อแม่คงจะรู้สึกโล่งใจและ บางที อาจจะแอบดีอกดีใจเป็นการส่วนตัวด้วยซ้ำ แต่ทว่า พวกเขาจะจัดงานปาร์ตี้ที่หน้าประตูคุกละหรือ พวกเขาจะเปิดขวดแชมเปญขณะที่ยาพิษกำลังจะถูกฉีดเข้าไปในเส้นเลือดอาชญากรน่ะ หรือ ถ้าพวกเขาทำเช่นนั้น นี่ก็จะเป็นการเฉลิมฉลองให้กับความตายและการแก้แค้น มิใช่ให้กับความยุติธรรม แต่นี่คือสิ่งที่เราได้เห็นในคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ท่ามกลางผู้คนที่ดีอกดีใจทั้งหลาย ท่ามกลางขวดเบียร์ คนเหล่านี้ต่างมารวมตัวกันอยู่ที่ไทมส์สแควร์ และหน้าทำเนียบขาว

แต่คุณไม่สามารถเอากรอบคิดในเชิงศีลธรรมในระดับปัจเจกมาใช้ในระดับกลุ่ม คนหรือประเทศชาติได้ เพราะหากคุณทำเช่นนั้น คุณก็จะบางสิ่งบางอย่างที่ดีๆที่เกิดขึ้นในงานฉลองเมื่อสัปดาห์ที่แล้วไป

การที่มีผู้คนที่ไม่สบายใจกับการเฉลิมฉลองดัง กล่าว นั่นเป็นเพราะว่า คนเหล่านี้กลัวว่าความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันที่เกิดขึ้นนี้จะเป็นอันตราย เพราะว่ามันจะทำให้ชาวอเมริกาชื่นชอบสงครามมากขึ้น และมีอคติต่อคนในประเทศอื่นมากขึ้น ขณะที่กลุ่มผู้เข้าร่วมการเฉลิมฉลองต่างกู่ร้องตะโกนพร้อมกันว่า "U.S.A! U.S.A!"หรือว่าร่วมกันร้องเพลง “God Bless America พวกเราไม่ได้กำลังแสดงกรอบคิดแบ่งเขาแบ่งเราที่น่ารังเกียจหรอกหรือ

อีกครั้งหนึ่งที่ผมขอตอบว่าไม่ ไม่เลย นักจิตวิทยาสังคมหลายต่อหลายคนแยกความแตกต่างระหว่าง"ความรักชาติ" อันเป็นความรักที่ประชาชนมีต่อประเทศของตน ออกจาก แนวคิดชาตินิยม ซึ่งเป็นแนวคิดที่มองว่าประเทศของตนนั้นเหนือกว่า และควรจะมีอำนาจเหนือประเทศอื่นๆ ชาตินิยมมักเกี่ยวข้องกับลัทธิเหยียดผิวและการมุ่งร้ายต่อผู้อื่น แต่ความรักชาติ โดยตัวมันเองไม่ได้เป็นเช่นนั้น

จากการศึกษาของนักจิตวิทยา"ลินดา สคิตกา"พบว่า พฤติกรรม ของผู้คนที่ออกมาโบกธงชาติในเหตุการณ์9/11นั้น "แสดงให้เห็นถึงความรักชาติและความปรารถนาที่จะแสดงออกซึ่งความสามัคคีกับ เพื่อนร่วมชาติ มากกว่าที่จะเป็นความปรารถนาที่จะแสดงออกซึ่งการมุ่งร้ายต่อผู้ที่ไม่ใช่พวก เดียวกับตน"

นี่คือเหตุผลที่ผมเชื่อว่า การเฉลิมฉลองเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมาเป็นเรื่องที่ดีต่อจิตใจของชาวอเมริกัน อเมริกาได้บรรลุบททดสอบแล้ว... อย่างกล้าหาญและแน่วแน่ หลังจากช่วงเวลา10ปีอันเจ็บปวด ประชาชนที่รักในประเทศของพวกเขาได้รวมเป็นหนึ่งเดียวกันเพื่อแบ่งปันความมี ชีวิตชีวา ในที่สุดพวกเขาก็ได้ก้าวออกมาจากความหมกมุ่นในตัวเอง

ช่วงเวลาของความสามัคคีเช่นนี้จะไม่ดำรงอยู่นานนัก แต่อย่างน้อย นี่ก็ทำให้พวกเราหลายคนรู้สึกได้ว่า อเมริกาก็ยังมีศักยภาพในการรับมือกับการข่มขู่คุกคามและบททดสอบที่ยิ่งใหญ่ กว่าโอซามา บิน ลาดิน

มติชนออนไลน์

เผย"หญิงสาวฟ้องโลก"ถูกเหยื่อกองกำลังกัดดาฟีรุมข่มขืน หนีออกจากลิเบียลี้ภัยไปตปท.แล้ว


สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า น.ส.ไอมาน อัล โอไบดี หญิงสาวลิเบียผู้ประสบชะตากรรมสลดถูกกองกำลังกัดดาฟีรุมข่มขืน ได้หนีออกจากลิเบียไปยังประเทศกาตาร์ ด้วยความช่วยเหลือของกลุ่มกบฎลิเบียแล้ว โดยเธอได้หลบหนีผ่านพื้นที่ภูเขาทางตะวันออกเฉียงเหนือของกรุงทริโปลีเมือง หลวง ใกล้พรมแดนตูนิเซีย



ด้านเจ้าหน้าที่ประจำกลุ่มสภาเพื่อการถ่ายโอนอำนาจแห่งชาติ กลุ่มปีกการเมืองต่อต้านกัดดาฟี เปิดเผยว่า ขณะนี้ น.ส.ไอมาน ได้อาศัยอยู่ในเมืองโดฮา ของกาตาร์ ซึ่งเป็นพันธมิตรของกลุ่มกบฎลิเบีย และเธอมีกำหนดจะแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนในเร็วๆ นี้



ก่อนหน้านี้ กลุ่ม"ฮิวแมนไรซ์ วอช"ได้เรียกร้องที่จะเป็นตัวแทนแก่น.ส.ไอมาน โดยภายหลังได้ยื่นหนังสือเรียกร้องให้มีการปล่อยตัวเธอ น.ส.ไอมาน ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ว่า เธอได้รับการปล่อยตัวแล้ว แต่ไม่ได้รับอนุญาตให้เดินทางออกจากลิเบีย โดยก่อนหน้านี้ แพทย์ได้วินิจฉัยว่าเธอถูกข่มขืนและกระทำทารุณจริง



รายงานระบุว่า ไอมาน กลายเป็นข่าวฮือฮาไปทั่วโลก หลังจากเธอบุกเข้าโรงแรมแห่งหนึ่งในกรุงทริโปลี เมื่อวันที่ 26 มี.ค.ที่ผ่านมา และฟ้องผู้สื่อข่าวต่างประเทศว่า เธอถูกกองกำลังสนับสนุนผู้นำลิเบีย รุมข่มขืน โดยเธอได้เปิดเสื้อโชว์ร่องรอยแผลถูกทำร้าย ก่อนที่เธอถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยลากตัวออกจากโรงแรม และเจ้าหน้าที่รปภ.ยังได้ทำร้ายนักข่าวต่างประเทศที่พยายามบันทึกภาพ เหตุการณ์แฉโลกของเหยื่อสาวผู้นี้ด้วย

มติชนออนไลน์

"โอบามา"ยืนยัน"บิน ลาเดน" เสียชีวิต จนท.สหรัฐเผยตายพร้อมลูกชาย ระบุฝังศพ"ในทะเล"ตามหลักศาสนาแล้ว



สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯเปิดเผยว่า นายโอซามา บิน ลาเดน ผู้นำกลุ่มอัล-เคด้า ศัตรูที่เป็นที่ต้องการตัวที่สุดของสหรัฐฯเสียชีวิตแล้ว ขณะที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐฯ เตรียมออกแถลงข่าวในคืนวันนี้ ตามเวลาท้องถิ่น


ด้านสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นอ้างคำกล่าวของแหล่งข่าวว่า นายบิน ลาเดน เสียชีวิตจากปฏิบัติการของหน่วยสืบราชการลับของสหรัฐฯที่พุ่งเป้าการโจมตีไปยังบ้านพักหลังหนึ่งนอกกรุงอิสลามาบัด เมืองหลวงของปากีสถาน ขณะที่หน่วยสืบราชการลับของปากีสถาน กล่าวยืนยันว่านายบิน ลาเดนเสียชีวิตแล้วจริง

โดยเจ้าหน้าที่รายหนึ่งกล่าวยืนยันว่า นายบิน ลาเดน ถูกสังหารใน"ปฏิบัติการของหน่วยสืบราชการลับที่มีความอ่อนไหวสูง" แต่ไม่ได้กล่าวถึงรายละเอียดใดๆเพิ่มเติม และกล่าวว่าตนไม่สามารถยืนยันได้ทันทีว่านายบินลาเด็นเสียชีวิตที่ใด อย่างไร หรือเมื่อใด


นายโอบามากล่าวระหว่างการแถลงการณ์ทางโทรทัศน์ว่า ขณะนี้ร่างของนายบิน ลาเดนได้อยู่ในการดูแลของสหรัฐฯแล้ว และนี่ถือเป็นความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ต่อการดำเนินนโยบายการต่อต้านผู้ก่อการร้ายของสหรัฐฯ ก่อนที่จะกล่าวปิดท้ายว่า "ความยุติธรรมบรรลุผลแล้ว"


ในแถลงการณ์ของโอบามายังยืนยันว่า นี่เป็นการต่อสู้กับการก่อการร้าย ไม่ใช่ต่อสู้กับโลกอิสลาม และนี่เป็นสงครามที่อเมริกาไม่ได้เป็นคนต้องการเริ่ม สุดท้ายโอบามาได้ขอบคุณชาวอเมริกันทุกคนที่ช่วยเหลือให้อเมริกาผ่านพ้นช่วงเวลา 10 ปีนี้มาได้


สหรัฐฯทำการล่าตัวนายบิน ลาเดน ในฐานะตัวการสำคัญและศัตรูของชาติ หลังจากที่กลุ่มอัล เคด้า ซึ่งนายบิน ลาเดน เป็นผู้บงการ ได้ก่อเหตุถล่มตึกเวิลด์ เทรด เซ็นเตอร์ และกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯเมื่อวันที่ 11 กันยายน เมื่อปี 2001 ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 3,000 คน ที่นำสหรัฐฯไปสู่การเป็นผู้นำในการปราบปรามผู้ก่อการร้ายในอัฟกานิสถาน และอิรัก


กลุ่มอัลเคด้า ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ก่อเหตุถล่มสถานทูตสหรัฐฯในกรุงไนโรบี ประเทศเคนยา และกรุงดาร์ เอส ซาลาม ประเทศแทนซาเนีย ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 231 คนเมื่อปี 1998 และเรือรบยูเอสเอส โคล ที่ทำให้นาวิกโยธินสหรัฐฯเสียชีวิต 17 นาย ที่ประเทศเยเมน เมื่อปี 2000

ด้านนายจอร์จ ดับเบิลยู บุช อดีตผู้นำสหรัฐฯ กล่าวแสดงความยินดีต่อข่าวดังกล่าว และเปิดเผยว่านี่ถือเป็นชัยชนะของสหรัฐฯ


ขณะที่กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ได้ประกาศออกคำเตือนแก่พลเมืองชาวอเมริกันที่ต้องการเดินทางไปยังหรืออาศัยในต่างประเทศ เนื่องจากอาจมีความเป็นไปได้ในการก่อเหตุรุนแรงเพื่อต่อต้านชาวอเมริกัน หลังจากที่ข่าวการเสียชีวิตของผู้นำกลุ่มอัล เคด้า แพร่สะพัดออกไป ส่วนสถานทูตสหรัฐทั่วโลก ได้รับการแจ้งเตือนให้ยกระดับการระวังภัย เนื่องจากเกรงว่าจะมีกลุ่มที่โกรธแค้นกับการเสียชีวิตของบิน ลาเดน เข้าโจมตีผลประโยชน์ของสหรัฐที่ใดที่หนึ่งในโลก


ใบหน้าโชกเลือดของ"บิน ลาเดน"ถูกเผยแพร่ สถานีโทรทัศน์ปากีฯเผยยังไม่ยืนยัน สถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่งของปากีสถานได้แพร่ภาพ "ภาพใบหน้าที่ยังไม่ได้รับการยืนยัน" ของนายโอซามา บิน ลาเดน ซึ่งเต็มไปด้วยคราบเลือด หลังจากถูกเจ้าหน้าด้านความมั่นคงของสหรัฐฯโจมตี โดยผู้ประกาศข่าวของสถานีโทรทัศน์จีโอ กล่าวว่า ภาพดังกล่าวภาพอันไร้วิญญาณของนายบิน ลาเดน แต่ยังไม่ได้รับการยืนยัน ขณะที่สถานีโทรทัศน์ช่องอื่นๆก็ได้เผยแพร่ภาพใบหน้าดังกล่าวเช่นกัน ซึ่งเป็นใบหน้าของชายที่ไว้เคราและหนวดรกรุงรัง และแทบไม่มีร่องรอยของหนวดเคราสีขาวแซมเทา ที่มักจะปรากฎทั่วไปตามสื่อต่างๆในช่วงที่ผ่านมาสมัยที่นายบิน ลาเดนยังมีชีวิต


ขณะที่ผมมีร่องรอยการวิ่นแหว่งอย่างเห็นได้ชัด โดยปากของเขาเผยอเล็กน้อยซึ่งเปิดเผยให้เห็นฟันที่อยู่ด้านใน คราบเลือดยังปรากฎอยู่บริเวณหน้าผากและขมับซ้าย ตาขวาปิดสนิท ขณะที่เปลือกตาซ้ายเผยออกเล็กน้อย

นอกจากนั้นสถานีโทรทัศน์ยังได้แพร่ภาพที่แสดงให้เห็นเปลวไฟที่ยังคงลุกไหม้ที่อาคารแห่งหนึ่งในเมืองอับบอททาบัดในช่วงกลางคืน และภาพของกองกำลังรักษาความมั่นคงของปากีสถานที่ยังคงตรึงกำลังรอบอาคารที่ได้รับรายงานว่านายบิน ลาเดนถูกสังหาร

อาคารดังกล่าวตั้งอยู่ในเขตไบลาล ชานเมืองอับบอททาบัด ห่างจากกรุงอิสลามาบัดไปทางตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 50 กม.


โดยประชาชนรายหนึ่งกล่าวว่า ได้ยินเสียงเฮลิคอปเตอร์บินวนอยู่เหนือศีรษะ ขณะที่ประชาชนกำลังเข้านอน ก่อนที่จะได้ยินเสียงปืนและเสียงระเบิดดังสนั่นในช่วงเวลาระหว่างเที่ยงคืนวันอาทิตย์ (30 เม.ย.) ถึงประมาณ 01.00 น. ซึ่งทำให้ประชาชนในย่านนั้นตื่นและวิ่งออกมายังนอกบ้าน ท่ามกลางเสียงไซเรนของรถตำรวจและเสียงตะโกนโหวกเหวก


เจ้าหน้าที่สหรัฐฯเผย ร่าง"บิน ลาเดน" ถูกฝังในทะเลแล้ว

สำนักข่าวเอพีรายงานว่า เจ้าหน้าระดับสูงของสหรัฐฯรายหนึ่งเปิดเผยวันนี้ (2 พ.ค.)ว่า ร่างของนายได้รับการฝังแล้วในทะเล


โดยหลังจากที่นายบิน ลาเดนถูกสังหารในเหตุการโจมตีที่พักของเขาในปากีสถานโดยกองกำลังของสหรัฐฯ เจ้าหน้าที่อาวุโสในรัฐบาลรายหนึ่งกล่าวว่า สหรัฐฯได้นำร่างอันไร้วิญญาณของเขาออกมาจากที่เกิดเหตุ ซึ่งได้รับการจัดการอย่างถูกต้องตามหลักปฏิบัติและธรรมเนียมของศาสนาอิสลาม ซึ่งร่างของผู้เสียชีวิตจะต้องได้รับการฝังภายใน 24 หลังจากเสียชีวิต ทั้งนี้เนื่องจาก การหาประเทศที่ยินดีรับร่างของเขาเพื่อประกอบพิธีทางศาสนาอาจประสบความยุ่งยาก สหรัฐฯจึงตัดสินใจฝังร่างของเขาในทะเล

โดยเจ้าหน้าที่รายดังกล่าวไม่ขอเปิดเผยชื่อของตน ทั้งนี้เนื่องจากประเด็นด้านความมั่นคง ไม่ได้ระบุว่าสถานที่ฝังศพเป็นที่ใด


ทั้งนี้สถานีโทรทัศน์เอบีซีรายงานก่อนหน้านี้ว่า การนำศพนายบิน ลาดินไว้ใต้ท้องทะเลจะทำให้มั่นใจได้ว่า หลุมฝังศพของบินลาดินจะไม่กลายมาเป็นแท่นเคารพบูชาหรือที่จาริกแสวงบุญของเหล่าบริวารของเขา

สหรัฐฯเผย "บิน ลาดิน" เสียชีวิตพร้อมบุตรชาย อ้างใช้สตรีเป็นโล่กำบัง


เจ้าหน้าที่อาวุโสของรัฐบาลสหรัฐฯเผยว่า นายโอซามา หรืออุซามะห์ บิน ลาเดน ผู้นำเครือข่ายอัลกออิดะห์ถูกสังหารพร้อมกับชายอีก 3 คน ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นบุตรชายของเขา และอีก 2 รายเป็นผู้ส่งสาส์นให้แก่เขา

เจ้าหน้าที่สหรัฐที่ขอสงวนนามกล่าวว่า ปฏิบัติการของกองกำลังสหรัฐนอกจากทำให้บิน ลาเดนเสียชีวิตแล้ว ยังมีผู้ชายวัยผู้ใหญ่เสียชีวิตอีก 3 คน เป็นคนส่งข่าวของบิน ลาเดน 2 คน และอีกคนเชื่อว่าเป็นบุตรชายของเขา นอกจากนี้ ยังมีสตรีหนึ่งคนเสียชีวิตเพราะถูกนักรบอัลกออิดะห์ใช้เป็นโล่กำบัง และมีสตรีอีก 2 คนบาดเจ็บ ปฏิบัติการสังหารบิน ลาดินซึ่งใช้เวลาไม่ถึง 40 นาที


ขณะที่เจ้าหน้าที่อีกรายหนึ่งกล่าวว่า เขารู้สึกตกตะลึง เมื่อรายงานจากหน่วยสืบราชการลับแจ้งถึงระบบการรักษาความปลอดภัยที่ซับซ้อนและแน่นหนาภายในบริเวณที่ซ่อนตัวของนายบิน ลาเดน ซึ่งรวมถึงกำแพงโดยรอบอาคารที่มีความสูงถึง 4-6 เมตร พร้อมทั้งลวดหนามขนาดใหญ่โดยรอบ


เขาเปิดเผยว่า กุญแจสำคัญของปฏิบัติการครั้งนี้คือ การที่หน่วยสืบราชการลับใช้ความพยายามในการแกะรอยคนส่งข่าวให้แก่ผู้นำกลุ่มอัลกออิดะห์เป็นเวลาหลายปี และนี่ถือเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงชิ้นหนึ่งในประวัติศาสตร์ของหน่วยสืบราชการลับ และเป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้แก่เจ้าหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติภารกิจลับชิ้นนี้ได้เป็นอย่างดี


ด้านประธานาธิบดีบารัค โอบามา เผยระหว่างแถลงที่ทำเนียบขาวว่าเขาได้โทรศัพท์ไปยังประธานาธิบดีอาซิฟ อาลี ซาร์ดารี แห่งปากีสถาน หลังจากการเสียชีวิตของนายบิน ลาเดน และกล่าวว่าความร่วมมือกับชาติพันธมิตรที่แสดงความกังวลต่อการต่อต้านการก่อการร้ายของสหรัฐฯ ได้นำให้สหรัฐฯเข้าถึงตัวนายบิน ลาเดนได้ในที่สุด


วันที่ 02 พฤษภาคม พ.ศ. 2554 มติชนออนไลน์

ใบหน้าโชกเลือดของ"บิน ลาเดน"ถูกเผยแพร่ สถานีโทรทัศน์ปากีฯเผยยังไม่ยืนยัน

สถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่งของปากีสถานได้แพร่ภาพ "ภาพใบหน้าที่ยังไม่ได้รับการยืนยัน" ของนายโอซามา บิน ลาเดน ซึ่งเต็มไปด้วยคราบเลือด หลังจากถูกเจ้าหน้าด้านความมั่นคงของสหรัฐฯโจมตี

โดยผู้ประกาศข่าวของสถานีโทรทัศน์จีโอ กล่าวว่า ภาพดังกล่าวภาพอันไร้วิญญาณของนายบิน ลาเดน แต่ยังไม่ได้รับการยืนยัน ขณะที่สถานีโทรทัศน์ช่องอื่นๆก็ได้เผยแพร่ภาพใบหน้าดังกล่าวเช่นกัน ซึ่งเป็นใบหน้าของชายที่ไว้เคราและหนวดรกรุงรัง และแทบไม่มีร่องรอยของหนวดเคราสีขาวแซมเทา ที่มักจะปรากฎทั่วไปตามสื่อต่างๆในช่วงที่ผ่านมาสมัยที่นายบิน ลาเดนยังมีชีวิต

ขณะที่ผมมีร่องรอยการวิ่นแหว่งอย่างเห็นได้ชัด โดยปากของเขาเผยอเล็กน้อยซึ่งเปิดเผยให้เห็นฟันที่อยู่ด้านใน คราบเลือดยังปรากฎอยู่บริเวณหน้าผากและขมับซ้าย ตาขวาปิดสนิท ขณะที่เปลือกตาซ้ายเผยออกเล็กน้อย

นอกจากนั้นสถานีโทรทัศน์ยังได้แพร่ภาพที่แสดงให้เห็นเปลวไฟที่ยังคงลุกไหม้ที่อาคารแห่งหนึ่งในเมืองอับบอททาบัดในช่วงกลางคืน และภาพของกองกำลังรักษาความมั่นคงของปากีสถานที่ยังคงตรึงกำลังรอบอาคารที่ได้รับรายงานว่านายบิน ลาเดนถูกสังหาร

อาคารดังกล่าวตั้งอยู่ในเขตไบลาล ชานเมืองอับบอททาบัด ห่างจากกรุงอิสลามาบัดไปทางตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 50 กม.

โดยประชาชนรายหนึ่งกล่าวว่า ได้ยินเสียงเฮลิคอปเตอร์บินวนอยู่เหนือศีรษะ ขณะที่ประชาชนกำลังเข้านอน ก่อนที่จะได้ยินเสียงปืนและเสียงระเบิดดังสนั่นในช่วงเวลาระหว่างเที่ยงคืนวันอาทิตย์ (30 เม.ย.) ถึงประมาณ 01.00 น. ซึ่งทำให้ประชาชนในย่านนั้นตื่นและวิ่งออกมายังนอกบ้าน ท่ามกลางเสียงไซเรนของรถตำรวจและเสียงตะโกนโหวกเหวก


วันที่ 02 พฤษภาคม พ.ศ. 2554 มติชนออนไลน์