พุทธศาสนสุภาษิต
หมวดบาป-เวร
บาปธรรมเป็นมลทินแท้ ทั้งในโลกนี้ ทั้งในโลกอื่น
คนมักทำบาปเพราะความหลง
บาปไม่มี แก่ผู้ไม่ทำ
คนมีสันดานชั่ว ย่อมลำบากเพราะกรรมของตน
พึงละเว้นบาปทั้งหลาย
การไม่ทำบาป นำสุขมาให้
ความสั่งสมบาป นำทุกข์มาให้
คนพูดเท็จ จะไม่พึงทำบาป ย่อมไม่มี
คนสะอาด ไม่ยินดีในความชั่ว
ไม่ควรทำบาป เพราะเห็นแก่กิน
สาธุชนย่อมละบาปกรรมด้วยตปะ (ตบะ)
เมื่อเรากล่าวธรรมอยู่ บาปย่อมไม่แปดเปื้อน
แม้หม้อน้ำยังเต็มด้วยหยาดน้ำฉันใด, คนเขลาสั่งสมบาปแม้ทีละน้อย ๆ ก็เต็มด้วบบาปฉันนั้น
ผู้ใดระงับบาปน้อยใหญ่ได้โดยประการทั้งปวง ท่านเรียกผู้นั้นว่าสมณะ เพราะเป็นผู้ระงับบาปทั้งหลายได้
คนพูดเท็จ ล่วงสัตยธรรมเสียอย่างหนึ่ง ไม่คำนึงถึงโลกหน้า จะไม่พึงทำบาปเป็นอันไม่มี
ถ้าฝ่ามือไม่มีแผล ก็พึงนำยาพิษไปด้วยฝ่ามือได้ ยาพิษซึมเข้าฝ่ามือไม่มีแผลไม่ได้ฉันใด, บาปย่อมไม่มีแก่ผู้ไม่ทำฉันนั้น
ควรงดเว้นบาปเสีย เหมือนพ่อค้ามีพวกน้อย มีทรัพย์มาก เว้นหนทางที่มีภัย และ เหมือนผู้รักชีวิตเว้นยาพิษเสียฉะนั้น
บาปกรรม ที่ทำแล้วย่อมไม่มีเปลี่ยนแปลง เหมือนนมสดที่รีดในวันนั้น, บาปย่อมตามเผาคนเขลา เหมือนไฟที่เถ้ากลบไว้
เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรของผู้จองเวร ย่อมไม่ระงับ
ในกาลไหน ๆ เวรในโลกนี้ย่อมระงับด้วยเวรไม่ได้เลย
ผู้ทำบาป ย่อมเศร้าโศกในโลกนี้ ละไปแล้วก็เศร้าโศก ชื่อว่าเศร้าโศกในโลกทั้งสอง, เขาเห็นกรรมอันเศร้าหมองของตน จึงเศร้าโศกและเดือนร้อน