เจงกิสข่าน มหาบุรุษผู้เปลี่ยนโลก



พระองค์คือจอมราชาแห่งตาร์ตาร์ พระนามว่า "เจงกิสข่าน" ผู้ชาญชัย นิทานแคนเทอร์บิวรี โดย จีออฟเฟรย์ ชอเซอร์

โดย นันทยา ชุ้นสกุล



เจงกิสข่านคือกษัตริย์พระนามกล้า
เกียรติลือชาเกรียงไกรในยุคท่าน
ไม่มีถิ่นแว่นแคว้นใดจะพบพาน
ราชาผู้ปรีชาชาญดั่งท้าวไท…
มีกองทัพเกรียงไกรยิ่งใหญ่นัก
พลพรรคแข็งขันกันถ้วนหน้า
พระองค์คือจอมราชาแห่งตาร์ตาร์

พระนามว่าเจงกิสข่านผู้ชาญชัย นิทานแคนเทอร์บิวรี โดย จีออฟเฟรย์ ชอเซอร์



“เตมูจิน” เด็กชายคนหนึ่งที่ชะตาลิขิตให้กลายเป็นผู้พิชิตที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก เขาคือคนที่ญาติฝ่ายบิดาตั้งใจทอดทิ้งไว้กลางทุ่งหญ้าสเตปป์อันกว้างใหญ่ ต้องเผชิญกับชะตาชีวิตที่โหดร้ายเพียงลำพัง ความทุกข์ทรมานจากความหิวโหย การถูกตามล่าเข่นฆ่า การถูกเหยียดหยามและถูกใช้เป็นทาส หล่อหลอมให้เขาแข็งแกร่ง ทะเยอทะยานและเหี้ยมโหด ชะตาพลิกผัน เขากลับกลายเป็นจอมทัพผู้นำชนเผ่าเร่ร่อนชาวมองโกลที่เดินทางพิชิตทั่วทั้ง เอเชียและยุโรป นาม “เจงกิสข่าน”


“คงเป็นการโง่ที่ไม่ตระหนักถึงความยิ่งใหญ่ของยุโรป
แต่ก็เป็นการโง่พอกันหากลืมความยิ่งใหญ่ของเอเชีย”
ยวาหระลาล เนห์รู นายกรัฐมนตรีคนแรกของอินเดีย

นั่นแสดงถึงความยิ่งใหญ่ของเอเชียได้เป็นอย่างดี และเจงกิสข่านก็เป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จนั้น
อาณาจักรของเจงกิสข่านเป็นจักรวรรดิของชนเผ่าที่ยิ่งใหญ่แห่งสุดท้ายในประวัติศาสตร์ โลก แม้เจงกิสข่านจะเกิดขึ้นจากอดีตของชนเผ่าโบราณ แต่ก็มีอิทธิพลต่อการค้า การติดต่อสื่อสาร และรัฐขนาดใหญ่ที่เป็นกลางทางศาสนาของโลกสมัยใหม่มากกว่าผู้ใด


เจงกิสข่านเป็นคนสมัยใหม่อย่างแท้จริงในการทำสงครามแบบเคลื่อนที่และแบบมืออาชีพ รวมถึงการทุ่มเทให้แก่การค้าทั่วโลกและการควบคุมกฎหมายทางโลกที่เป็นสากล


นานนับศตวรรษหลังการตายของเจงกิสข่าน ชาติพันธุ์มองโกลถูกทำให้เสื่อมเสียด้วยคำกล่าวร้ายต่างๆ นานา ภาพจำของเจงกิสข่านกลายเป็นจอมทัพป่าเถื่อนบุกทำลายบ้านเมืองอันศิวิไลซ์ของ ชาวยุโรป


แม้ก่อนหน้านี้นักวิชาการมองโกลจะถูกรัฐบาลรัสเซียกีดกันไม่ให้ศึกษาเรื่องราว ของเจงกิสข่านเป็นเวลาหลายสิบปี แต่ก็ยังมีการเคลื่อนไหวอย่างลับๆ ทางวิชาการเพื่อตามรอยพงศาวดารลับของมองโกล ที่ว่ากันว่าเขียนโดยบุคคลในครอบครัวของท่านข่านเอง นำมาซึ่งการเดินทางเข้าสู่ดินแดนเกิดของท่านข่านทางตอนเหนือของจีนของนัก วิชาการกลุ่มหนึ่ง หนึ่งในนั้นคือ แจ๊ก เวเธอร์ฟอร์ด ศาสตราจารย์ด้านมานุษยวิทยา ผู้เขียนหนังสือ “เจงกิสข่าน มหาบุรุษผู้เปลี่ยนโลก” ใช้เวลาถึง 6 ปีในงานภาคสนามตระเวนไปทั่วมองโกเลีย รัสเซีย และจีน เพื่อติดตามสถานที่เกิด เติบโต และเส้นทางการก้าวขึ้นสู่อำนาจของเจงกิสข่าน โดยมีพงศาวดารลับของมองโกล ที่เพิ่งมีการแปลและถอดความหลังจากที่หายสาบสูญไปกว่าเจ็ดศตวรรษเป็นคัมภีร์ นำทาง


“เจงกิสข่าน มหาบุรุษผู้เปลี่ยนโลก” นำมาแปลเป็นภาษาไทยโดย เรืองชัย รักศรีอักษร ร้อยเรียงเรื่องราวอันน่าทึ่งในทุกแง่มุมของท่านข่านให้เราได้รับรู้ ทั้งคำสอนจากพ่อถึงลูก กลยุทธ์การรบที่เด็ดขาดน่าพรั่นพรึง และหลักการปกครองที่ครั้งหนึ่งเคยสร้างให้มองโกลเป็นชาติที่ยิ่งใหญ่และน่า เกรงขาม ครอบครองพื้นที่กว่าครึ่งโลกมาแล้ว อัดแน่นด้วยข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับเจงกิสข่านและจักรวรรดิมอง โกลที่ยิ่งใหญ่ในหลายๆ ด้านที่ไม่เคยเปิดเผยมาก่อน


“อเล็กซานเดอร์และซีซาร์แทบไม่มีความหมายเลยเมื่ออยู่เบื้องหน้าเจงกิสข่าน”


อีกหนึ่งนิยามที่บิดาแห่งเอกราชของอินเดียกล่าวถึงเจงกิสข่าน หลักฐานที่ยืนยันว่าเจงกิสข่านมิได้ทำสงครามเพียงเพื่อขยายอำนาจเท่านั้น แต่เป็นผู้วางรากฐานให้กับโลกยุคปัจจุบัน





วันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2553 เวลา 18:00:14 น. มติชนออนไลน์