ไอโอดีนจัดเป็นเกลือแร่ที่มีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตของร่าง กายเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีความสำคัญต่อพัฒนาการทางสมองรวมถึงช่วยเสริมสร้างสติปัญญาให้กับเด็กทุกวัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเจริญเติบโตของเด็กตั้งแต่ในครรภ์มารดา คือเริ่มตั้งแต่อายุ 3 สัปดาห์ จนกระทั่งเติบโตจนอายุ 3 ปี ซึ่งในช่วงนี้พัฒนาการทางสมองของเด็กมีมากถึง 80 เปอร์เซนต์
โดยร่างกายจะใช้ไอโอดีนในการเพิ่มจำนวนและขนาดของเซลล์สมอง และสร้างใยประสาทเชื่อมต่อกัน เนื่องจากไอโอดีนเป็นองค์ประกอบที่ สำคัญของฮอร์โมนไทรอกซิน (thyroxin) ที่ผลิตจากต่อมไทรอยด์ การทำงานของฮอร์โมนนี้คือควบคุมอัตราเมแทบอลิซึมของร่างกาย
ซึ่งหากเด็กขาดฮอร์โมนไทรอกซินจะทำให้การพัฒนาทางร่างกายและสติปัญญาลดลง ร่างกายเจริญเติบโตช้ากว่าปกติและปัญญาอ่อน ผิวหนังหยาบแห้ง ผมบาง แขนและขาสั้น ส่วนในผู้ใหญ่ที่ขาดฮอร์โมนไทรอกซินจะมีอาการเหนื่อยง่าย กล้ามเนื้ออ่อนแรง ผมและผิวหนังแห้ง หัวใจโต ร่างกายมีภูมิคุ้มกันต่ำ เฉื่อยชาและความจำเสื่อม
โดยได้มีรายงานการศึกษาถึงความผิดปกติของการขาดสารไอโอดีน พบว่า
- ถ้าขาดไอโอดีน ร้อยละ 1 – 10 จะแสดงอาการในลักษณะของปัญญาอ่อนหรือที่เรียกกันทั่วไปว่าโรคเอ๋อ
- ถ้าขาดไอโอดีนร้อยละ 10 – 30 จะทำให้ระดับสติปัญญาต่ำอย่างมากหรือที่เรียกว่า ปัญญาทึบ
ขณะที่จากรายงานการตรวจสอบคุณภาพของเกลือเสริมไอโอดีนจากผู้ผลิตกว่า 120 รายทั่วประเทศ พบว่า เกลือเสริมไอโอดีนที่มีคุณภาพ คือ มีสารไอโอดีนอย่างน้อย 30 พีพีเอ็ม มีเพียง 40% เท่านั้น ทั้งนี้ พบการครอบคลุมการกระจายเกลือเสริมไอโอดีนในระดับครัวเรือนอยู่ระหว่าง 50.6-66.8% ซึ่งอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับเกณฑ์ที่องค์การอนามัยโลกกำหนด คือ การครอบคลุมระดับครัวเรือนอย่างน้อย 90% ซึ่งของไทยต่ำกว่าลาว และกัมพูชา โดยจากการตรวจวัดไอโอดีนในปัสสาวะของหญิงมีครรภ์พบว่าเป็นปัญหาถึง 49.4%
จากการเปิดเผยโภชนาการ ของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ผลการสำรวจระดับเชาว์ปัญญาของเด็กไทยพบว่า ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาว่าเด็กไทยมีปัญหาในเรื่องของระดับสติปัญญาลดต่ำลง โดยค่าเฉลี่ยของระดับเชาว์ปัญญาหรือไอคิว ไม่ถึง 90 คือ อยู่ที่ประมาณ 88 ทั้งๆที่ค่าเฉลี่ยที่ควรจะเป็นสำหรับคนที่จะเรียนในระดับปริญญาได้ควรจะอยู่ ที่ประมาณ 100 ซึ่งการสำรวจครั้งนี้พบว่า ระดับเชาว์ปัญญาลดลงจากการสำรวจเมื่อปี 2540 ที่เด็กไทยมีระดับเชาว์ปัญญาอยู่ที่ 91.9 สำหรับเด็กในภาคเหนือมีปัญหาเรื่อง เชาว์ปัญญาต่ำมากกว่าภาคอื่นๆ ค่าเฉลี่ยของไอคิวอยูที่ 82 เท่านั้น*
ขณะที่ผลการสำรวจของกระทรวงสาธารณสุข พบหญิงตั้งครรภ์ 350,000 ราย เสี่ยงลูกเป็นโรคเอ๋อ ปัญญาอ่อนเพราะขาดไอโอดีน ทำแผนแผน 5 ปี ควบคุมป้องกัน จับมือภาคีร่วมรณรงค์ให้เข้าใจถึงผลร้ายของการขาดสารไอโอดีน แนะคนไทยทุกครัวเรือน ใช้เกลือและน้ำปลาที่เสริมไอโอดีนปรุงอาหาร เพื่อความฉลาดของเด็กไทยอย่างยั่งยืน
โดยสาเหตุแห่งปัญหาการผลิตเกลือเสริมไอโอดีน ส่วนหนึ่งคือการเข้าถึงสารโปตัสเซียมไอโอเดทที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ ดังนั้นกรมอนามัยกำลังประสานกับกรมบัญชีกลางเพื่อจัดตั้งกองทุนหมุนเวียนใน การช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยที่ผลิตเกลือเสริมไอโอดีน
จากพฤติกรรมของคนไทยที่มี การบริโภคเกลือปรุงรสน้อยมาก เนื่องจากคนไทยนิยมบริโภคน้ำปลาเพื่อเพิ่มความเค็มในการปรุงรสแทนเกลือ เหตุนี้กรมอนามัยจึงได้ร่วมมือกับภาคเอกชนจัดทำโครงการน้ำปลาเสริมไอโอดีน และธาตุเหล็ก เพื่อรณรงค์ให้คนไทยเพิ่มการบริโภคไอโอดีนเพิ่มขึ้นอย่างทั่วถึง
เมื่อทราบถึงความสำคัญของไอโอดีนดังนี้แล้ว จึงจำเป็นต้องรับประทานอาหารที่มีสารไอโอดีนให้เพียงพอกับความต้องการของ ร่างกาย เพราะนอกจากจะช่วยแก้ไขปัญหาการขาดสารไอโอดีนแล้ว ยังเป็นการช่วยประเทศชาติพัฒนาด้านสติปัญญาของทรัพยากรมนุษย์ซึ่งเป็นกำลังหลักของการพัฒนาประเทศได้อย่างดีอีกด้วย