เสือ...ความสง่า ความงามและสมาธิ

อีกเพียงเดือนกว่าๆ ก็จะถึงปีนักษัตรปีขาลแล้ว จึงนำนิทรรศการที่เกี่ยวกับเสือมาให้ชมกันเพลินตาเพลินใจกันก่อน

เป็นผลงานของ “สิปปวิชญ์ พลสิงห์” ที่นำเสือสีอะครีลิกในหลากหลายท่าทางบนผืนผ้าใบมาจัดแสดง ในชื่อนิทรรศการ “เสือตัวที่สิบสอง”

ชื่อนิทรรศการไม่เกี่ยวใดๆ กับเสือสิบเอ็ดตัวในยาดอง แต่เจ้าของนิทรรศการรีบแจงในหลายๆ ความบังเอิญของที่มาของชื่อว่า เพราะเป็นปีเกิด (เสือ) และนึกถึงรอบนักษัตรที่มี 12 ราศี ประจวบกับปีหน้าเป็นปีเสืออีก จึงรวมกันออกมาเป็นเสือตัวที่สิบสอง

สิปปวิชญ์ชอบวาดรูปสัตว์เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว โดยให้เหตุผลว่าชอบธรรมชาติซึ่งที่ใดมีธรรมชาติย่อมมีสัตว์ และที่ชอบอีกอย่างคือธรรมชาติของสัตว์นั่นเอง

“ผมวาดสัตว์ทั่วๆ ไป ทั้งสัตว์ในตำนาน สัตว์มงคล เพราะสัตว์มีความน่ารักอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ประเภทไหนเขาจะมีมุมมองที่น่าดู มีความสวยงามอยู่ในตัวทุกประเภท ผมชอบธรรมชาติกับสัตว์เป็นของคู่กัน ที่ไหนมีธรรมชาติที่นั้นย่อมมีสัตว์ และชอบธรรมชาติของสัตว์ เมื่อก่อนผมวาดงานหลายแบบมาก แต่มาช่วงหลังๆปี 2535 เริ่มเน้นสัตว์”

วาดรูปสัตว์มาแล้วก็หลายประเภท แต่นับจากปี 2549 สิปปวิชญ์เน้นวาดเสือเพียงอย่างเดียว “ก่อนหน้านั้นก็วาดรูปเสือ แต่ไม่ได้คิดว่าจะเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง เมื่อก่อนทดลองมาทุกแนว วาดหมด พอมาถามตัวเองว่าเราชอบอะไร เราจะอยู่ตรงไหน ก็เลยรู้ว่าเราต้องเขียนรูปเสือ เพราะเขียนแล้วมีความสุขที่สุด มีความสุขกับการที่เราเก็บรายละเอียดของขนทีละเส้น เป็นงานที่ต้องใช้เวลา และทำให้เรามีสมาธินิ่งขึ้น ผมเก็บทุกเส้นเท่าที่ทำได้ เวลาเขียนขนจะใช้พู่กันเบอร์เล็กสุด คือเบอร์หนึ่ง เบอร์สอง จะไม่ใช่เบอร์ใหญ่แล้วเขี่ยๆ เอา แต่ผมจับทีละเส้นเลย ซึ่งตรงนี้ทำงานใช้เวลานาน ภาพเล็กใช้เวลาสามถึงสี่วัน ภาพใหญ่ก็กินเวลาเป็นเดือน ต้องควบคุมอารมณ์ เพราะถ้าเราคิดแต่เขียนไม่ได้ก็จะหงุดหงิด ซึ่งตรงนี้ผมอยากทำให้เหมือนก็สู้กับตรงนั้น เขียนยังไงให้คุณดูแล้วทึ่ง เขียนให้คนชมในความพยายามของคนเขียน”

เป็น เวลาสิบกว่าปีที่ศิลปินเขียนเสือ แต่ไม่ได้ทำให้คนรู้สึกกลัว (เหมือนวัวแต่อย่างใด) เพราะเขาเลือกท่าทางเสือที่ไม่อยู่ในอารมณ์ดุร้าย

“เสือเป็นสัตว์น่ารัก ไม่น่ากลัว ผมไปอยู่ที่วัดเสือ ที่ จ.กาญจนบุรี ไปสังเกตสรีระ ท่าทางของเสือ การหาว การเดิน การคำรามของเขา ก็ถ่ายภาพมาเป็นข้อมูลผมไม่ค่อยเลือกท่าทางที่ดุร้าย มีเพียงไม่กี่ภาพ เพราะความเป็นเสือมีสัญชาตญาณของนักล่าอยู่แล้ว เสือทำท่าไหนคนก็เห็นว่าดุร้าย ผมจึงไม่ได้เลือกตรงนั้นมาแสดง ก็พยายามสื่อถึงความน่ารักออกมา”

ก่อนหน้านี้การสร้างงานของสิปปวิชญ์จะมีรายละเอียดมากกว่านี้ ซึ่งเขาพยายามจะลดทอนรายละเอียดลงเรื่อยๆ

“เมื่อก่อนงานจะมีรายละเอียดเยอะมาก เห็นฉากหลังหมด มีต้นไม้ มีบ้าน มีองค์ประกอบเยอะ แต่ตอนนี้ลดทอนออกมา ใช้ฉากหลังเป็นสีพื้นหมด อย่างใช้สีแดงก็แดงทั้งพื้น ไม่มีการไล่น้ำหนักสี ไม่มีการไล่เฉดสี ถ้าเอาเสือออกมามีแต่สีก็เป็นงานศิลปะแนวแอบสแทรกต์ พอเอาเสือลงไปก็กลายเป็นศิลปะแนวเหมือนจริง ซึ่งผมเน้นรายละเอียดในตัวเสือเยอะ เน้นตัวพระเอกคือตัวเสือ แต่งานในอนาคตก็จะลดทอนลงไปอีก เพราะตอนนี้ฉากกับเสือยังให้พื้นที่ห้าสิบห้าสิบ แต่ในอนาคตผมจะลดเสือลงมาให้พื้นที่สักเจ็ดสิบจะทำให้งานเป็นงานร่วมสมัย ขึ้นมา และเน้นเสือเพียงส่วนหนึ่งส่วนใด อย่างเน้นเฉพาะหน้า ตอนนี้งานผมยังเป็นงานภาพเหมือนที่ไม่ค่อยร่วมสมัยสักเท่าไหร่”

หากใครสนใจสามารถไปชมนิทรรศการเสือตัวที่สิบสองได้ที่ห้องริมสวน แกลเลอรี่ ชั้น 12 ของโรงแรมแกรนด์ เมอร์เคียว ฟอร์จูน จัดแสดงให้ชมตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 5 ธ.ค. เพราะถ้าพลาดครั้งนี้อาจต้องรอกันอีกนาน เพราะนานๆ ปีจริงๆ สิปปวิชญ์จึงจะจัดนิทรรศการเดี่ยว เนื่องด้วยที่ผ่านๆ มาเขาไปตระเวนสอนศิลปะให้เด็กๆ ตามจังหวัดต่างๆ และนับจากนิทรรศการครั้งนี้ไปอีก 5 ปี เขาจะหารายได้เพื่อนำไปสร้างศูนย์ศิลปะสอนเด็กๆ ฟรี ที่ทางขึ้นภูฝอยลม จ.อุดรธานี บ้านเกิด



http://www.posttoday.com/lifestyle.php?id=75897