ดูไบ 2 : ปัจจุบันอันรุ่งโรจน์ของดูไบ

ดูไบเมืองแห่งไข่มุกทะเลทรายที่เจิดจรัสเป็นเมืองศูนย์กลางการค้าที่สำคัญมา ตั้งแต่อดีตสืบเนื่องยาวนานมาจนกระทั่งปัจจุบัน

หอคอยดูไบที่กำลังจะเป็นอาคารที่สูงที่สุดในโลกเร็วๆนี

และดูไบก็ยังคงพยายามที่จะพัฒนาเมืองให้ยังคงความเป็นศูนย์กลางแห่งธุรกิจและการท่องเที่ยวต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง

การเดินทางสู่ดูไบในวันนี้ ภาพแรกที่เห็นเมื่อไปถึงจึงเต็มไปด้วยการก่อสร้างในแทบทุกส่วนของเมือง จนว่ากันว่าเครนกว่าครึ่งหนึ่งในโลกถูกนำมาใช้ที่ดูไบ เพื่อจะตอบสนองความต้องการในการก่อสร้างหลายสิ่งหลายอย่างที่ดูไบพยายามจะ ประกาศต่อโลกว่า ความเป็นที่สุดในโลกแทบทั้งหมดเกิดขึ้นที่นี่

สิ่งหนึ่งที่กลายเป็นสัญลักษณ์ของดูไบ และเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวรวมถึงผู้มาเยือนดินแดนทะเลทรายริมอ่าวเปอร์ เซียแห่งนี้ นั่นคือ Burj Al Arab ดูไบเนรมิตสิ่งนี้ขึ้นภายใต้แสงแดดที่แผดจ้า และผืนทะเลทรายอันแห้งแล้ง รวมถึงได้สร้างความตกตะลึงให้แก่ผู้คนทั่วโลก เมื่อ Burj Al Arab ถูกเล่าขานว่าเป็นโรงแรมระดับเจ็ดดาวเพียงแห่งเดียวของโลก และยังเป็นโรงแรมที่สูงที่สุดในโลก เพราะ Burj Al Arab มีความสูงกว่า 1,000 ฟุต ดูไบสร้าง Burj Al Arab บนเกาะเทียมชายฝั่งทะเล และเชื่อมต่อกับฝั่งผ่านทางสะพาน เปิดให้บริการครั้งแรกเมื่อเดือนธ.ค. 1999 และอาจถือว่าเป็นของขวัญต้อนรับศตวรรษที่ 21 ให้กับชาวดูไบก็ว่าได้

นอกจากนี้ Burj Al Arab ยังตั้งอยู่ใกล้ๆ กับสวนน้ำขนาดมหึมาที่ชื่อ Wild Wadi ซึ่งอยู่ถัดจากโรงแรม Jumeirah Beach ที่สามารถมองเห็นได้จากห้องอาหารสุดหรูบนอาคาร Burj Al Arab และ Wild Wadi ยังเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวที่ต้องการเย็นฉ่ำสดชื่นท่ามกลางทะเลทราย เช่นกัน รวมถึงอีกหนึ่งสิ่งมหัศจรรย์ที่ดูไบลงทุนสร้างไว้ เพื่อที่จะบอกโลกว่าไม่มีอะไรในวันนี้ที่ดูไบทำไม่ได้นั่นคือ Snow Park และ Ski Dubai ที่ Mall of the Emirates ซึ่งเป็นลานสกีในร่มที่ใหญ่ที่สุดในโลก และจำลองมาจากลานสกีในสวิตเซอร์แลนด์

นอกจากโรงแรมที่สูงที่สุดในโลกอย่าง Burj Al Arab สวนน้ำอย่าง Wild Wadi ลานสกีอย่าง Snow Park และ Ski Dubai ที่ Mall of the Emirates แล้ว ดูไบยังได้สร้าง Burj Dubai หรือที่รู้จักกันในชื่อ หอคอยดูไบ เพื่อจะให้เป็นตึกระฟ้าที่สูงที่สุดของโลก มีความสูงกว่า 800 เมตร โดยเริ่มก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 2004 และคาดว่าจะแล้วเสร็จ สามารถเปิดใช้งานอย่างเป็นทางการได้ในเดือนก.ย. 2009 ที่จะถึงนี้ และเมื่อเปิดใช้แล้วภายในอาคารที่สูงที่สุดในโลก จะประกอบไปด้วยโรงแรมสุดหรู อพาร์ตเมนต์ที่พักอาศัย สำนักงาน จุดชมวิวจากตัวอาคาร สระว่ายน้ำกลางแจ้งขนาดใหญ่ และยอดสุดของอาคารเป็นเสาอากาศสื่อสาร และที่สำคัญภายใน Burj Dubai ยังได้เตรียมติดตั้งลิฟต์ที่เร็วที่สุดในโลกไว้อีกด้วย นอกจาก Burj Dubai แล้ว ดูไบยังมีโครงการสร้างอาคารที่สูงกว่า Burj Dubai ไว้อีกหนึ่งแห่งคือ Al Burj ที่ว่ากันว่าเมื่อแล้วเสร็จจะมีความสูงถึง 1,200 เมตร

Burj Al Arab โรงแรมสวยหรูที่สุดในโลก

สัญลักษณ์ อีกอย่างหนึ่งของดูไบที่เป็นที่กล่าวขวัญจนถึงทุกวันนี้คือ The Palm อลังการงานสร้างที่ดูไบยอมทุ่มทุนถมที่ในทะเลบริเวณอ่าวเปอร์เซีย ให้เป็นรูปต้นปาล์มจำนวน 3 โครงการใหญ่ ที่เรียกกันว่า Jumeirah Jebel Ali และ Deira ซึ่งทำให้ดูไบมีพื้นที่ชายฝั่งทะเลเพิ่มมากขึ้นอีกนับร้อยกิโลเมตร บนเกาะเทียมรูปต้นปาล์มนี้หลากหลายไปด้วยโรงแรมหรูหรา ที่อยู่อาศัย บ้านพัก อพาร์ตเมนต์ สวนสนุก ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า สนามกีฬา และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ครบครัน และที่โดดเด่นที่สุดเห็นจะเป็น Atlantis โรงแรมหรูหราแห่ง The Palm Jumeirah ซึ่งเป็นโรงแรมสุดหรูที่มี Aquarium ขนาดใหญ่อยู่ภายในโรงแรม และตกแต่งอย่างวิจิตรอลังการ และเป็นที่นิยมของบุคคลสำคัญในการไปพักที่นี่เมื่อไปเยือนดูไบนอกเหนือจาก โครงการพัฒนาที่พักอาศัย โรงแรม และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ แล้ว ดูไบในวันนี้ยังไม่หยุดเพียงเท่านั้น ยังคงเร่งพัฒนาสิ่งต่างๆ เพื่อทำให้เห็นว่าจะช่วยส่งเสริมให้ดูไบเป็นอันดับหนึ่งของเมืองศูนย์กลาง ท่องเที่ยว และแน่นอนว่าสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับนักท่องเที่ยวคือสถานที่จับจ่ายใช้สอย หรือช็อปปิ้ง ดูไบจึงสร้างสิ่งที่เรียกว่า Dubai Mall ซึ่งเป็นศูนย์การค้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีขนาดใหญ่ประมาณพื้นที่ของสนามฟุตบอล 50 สนาม ด้วยเม็ดเงินลงทุนนับหมื่นล้านเหรียญสหรัฐ มีร้านค้ากว่า 1,200 ร้าน และมีสินค้ากว่า 600 แบรนด์ดังทั่วโลกรวมกันที่นี่ เพื่อตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวที่มาเยือนดูไบให้ได้รับความสะดวก สบายครบครันตามความต้องการ

ท่ามกลางความตื่นตาตื่นใจต่อการเนรมิตเมืองใหม่ของดูไบ สิ่งที่ซุกซ่อนอยู่และเป็นมนต์เสน่ห์ของเมืองทะเลทราย และไม่ควรพลาดของนักท่องเที่ยวในการมาเยือนดูไบ คือการออกไปเยือนทะเลทราย ไม่ว่าจะเป็นการขี่อูฐ พาหนะเจ้าถิ่นของดินแดนแถบนี้ หรือเลือกนั่งบนรถขับเคลื่อนสี่ล้อ ผจญภัยไปกับ Sand Dune ที่ทอดตัวราวกับคลื่นในทะเลทราย จวบจนกระทั่งพระอาทิตย์โบกมือลาขอบฟ้า แล้วจึงอิ่มเอมกับอาหารมื้อค่ำของชาวพื้นเมือง อบอวลไปด้วยกลิ่นของชิชา พร้อมๆ กับการดูระบำพื้นเมืองอันเลื่องชื่อ ในค่ำคืนอันมืดมิดท่ามกลางผืนทรายใต้ทะเลดาว จนทำให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสจดจำดูไบไว้ในความทรงจำไปอีกนานแสนนาน

Atlartis โรงแรมสุดหรูแห่ง The Palm Jumeirah

ความ พยายามในการเนรมิตเมืองของดูไบยังมีอยู่อย่างไม่หยุดยั้ง และไม่รู้ว่าจะจบลงเมื่อไหร่ แม้ว่าสภาวะเศรษฐกิจโลกจะเข้าสู่ขั้นวิกฤต ส่งผลให้การก่อสร้างหลายอย่างต้องชะลอล่าช้าออกไป แต่ไม่ได้หมายความว่าดูไบจะหยุดอยู่เพียงเท่านี้ โครงการใหญ่อีกจำนวนไม่น้อยที่ยังคงรอคอยให้ดูไบสานต่อ เพื่อสืบทอดปัจจุบันอันรุ่งโรจน์ ให้ก้าวไปสู่อนาคตอันเจิดจรัส สายตาจากทั่วทุกมุมโลกจึงได้แต่เฝ้ารอดูว่า ดูไบจะผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ และผงาดกลับมาเป็นเมืองแห่งไข่มุกทะเลทรายอันเจิดจรัสได้อีกครั้งหรือไม่

การตกแต่งภายใน Atlantis
Dubai Mall แหล่งช็อปปิ้งที่รวมเอาแบรนด์ดังทั่วโลกมาไว้ที่นี่
ห้องพักของโรงแรม Burj Al Arab
ที่มา :