กลุ่มเทสโก้ทำธุรกิจในสหรัฐฯ โดยใช้ชื่อธุรกิจว่า "เฟรชแอนด์อีซี" ซึ่งมีสาขากว่า 199 แห่งทั่วสหรัฐฯ ด้วยเงินลงทุน 1,200 ล้านปอนด์ แต่พบว่าบริษัทไม่เคยมีกำไร
บริษัทได้ลงบัญชีมูลค่าอสังหาริมทรัพย์ของกลุ่มฯ ในอังกฤษ ลดลง 804 ล้านปอนด์ และลงบัญชีด้วยมูลค่าทางธุรกิจที่ลดลงในโปแลนด์ สาธารณรัฐเช็ก และตุรกี เป็นมูลค่ารวมกันกว่า 500 ล้านปอนด์ ส่วนกำไรก่อนหักภาษีของทางกลุ่มในปีที่ผ่านมา ซึ่งสิ้นสุดในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ มีมูลค่า 1,960 ล้านปอนด์ ลดลง 51.5% จากปีก่อนหน้านี้
เทสโก้เปิดเผยว่า ยอดขายในห้างค้าปลีกในอังกฤษ ในรอบ 3 เดือนที่ผ่านมา ที่ไม่รวมค่าน้ำมันและภาษีมูลค่าเพิ่ม เพิ่มขึ้น 0.5% ลดลงจากช่วง 6 สัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 5 มกราคม ซึ่งเติบโตราว 1.8% อันเนื่องมาจากเป็นช่วงการจับจ่ายในเทศกาลคริสต์มาส
ทั้งนี้ เทสโก้ ซึ่งถือเป็นกลุ่มค้าปลีกที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก ได้ประกาศปรับโครงสร้างภายใน ภายใต้การนำของนายฟิลิป คลาร์ก ซีอีโอคนใหม่ นอกจากการถอนตัวออกจาสหรัฐฯแล้ว เทสโก้ยังประกาศถอนตัวออกจากญี่ปุ่น แต่เผยว่าบริษัทเตรียมขยายธุรกิจเข้าไปยังจีน
กลุ่มยังระบุว่า ยอดค้าปลีกทางออนไลน์ของบริษัทประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี โดยมีการเติบโตที่อัตรา 12.8% หรือ 2,300 ล้านปอนด์ ขณะที่ยอดขายรวมตลอดปีในอังกฤษ เพิ่มขึ้น 1.8% หรือมากกว่า 48,000 ล้านปอนด์