นักวิจัยเมืองน้ำชายังคงกล่าวเตือนอันตรายของโทรศัพท์มือถือ อยู่ต่อไปว่า การใช้อย่างไม่ หยุดหย่อน อาจจะก่อให้เกิดการระบาดของโรคเนื้องอกในสมองขึ้นในอังกฤษได้
การ วิจัยซึ่งใช้งบ 799 ล้านบาท ได้สรุปผลว่า โทรศัพท์มือถือทำให้เกิดความเสี่ยงต่อโรคเพิ่มมากกว่าที่เคยศึกษาพบมาก่อน อีกไม่ต่ำกว่าร้อยละ 25 แต่จะเป็นเฉพาะกับผู้ที่ใช้มันนานวันละครึ่งชั่วโมง เป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า 10 ปี เท่านั้น
ตามข่าวของหนังสือ พิมพ์รายวัน "เดอะ สกอตสแมน" แจ้งว่า นายลอด์ย มอร์แกน วิศวกรอิเล็กทรอนิกส์ ได้หาว่าอันตรายที่ว่านั้นยังประมาณไว้ ต่ำเกินไป "สิ่งที่พบนั้นส่อว่า มันอาจจะเกิดโรคมะเร็งสมองแพร่ระบาดขึ้น ถ้าหากไม่เตือนและส่งเสริมให้ประชาชนปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้มันเสียใหม่ รัฐบาลไม่ควรพูดเอาใจประชาชนในเรื่องภัยสาธารณสุข อันเป็นเรื่องคอขาดบาดตายเช่นนี้ หากแต่ควรจะเร่งให้การศึกษาเพื่อตระหนักถึงความเสี่ยง ควรจะบอก กับประชาชนตรงๆ ว่า ควรจะเก็บโทรศัพท์มือถือให้ อยู่ห่างจากศีรษะและเนื้อตัวเอาไว้ตลอดเวลา"
เขากล่าวโจมตีต่อไปว่า ในการศึกษาของอังกฤษและชาติสแกนดิเนเวียอีก 4 ชาติหนก่อน พบเป็นเชิงว่า อัตราความเสี่ยงของมะเร็งสมอง 2 ชนิด เนื้องอกประกอบด้วยเนื้อเยื่อโครงประสาท และเนื้องอกที่ประกอบด้วยเซลล์เยื่อหุ้มสมองไม่ได้เพิ่มขึ้น แต่ปัจจัยแก้ไขที่ค้นพบส่อว่า การใช้โทรศัพท์แต่ละปี ไม่แต่ทำให้เสี่ยงกับเนื้องอกที่ประกอบด้วยเซลล์เยื่อหุ้มสมองเท่านั้น แต่ยังทำให้เสี่ยงกับเนื้องอกประกอบด้วยเนื้อเยื่อโครงประสาทเพิ่มขึ้นอีก ร้อยละ 24 ด้วย
ทางฝ่ายหัวหน้าแผนกข่าวสาธารณสุขของสำนักวิจัยโรค มะเร็งอังกฤษ นายเอด ยัง ก็โต้ว่า คำเตือนเรื่องโรคระบาดเนื้องอกสมอง เป็นเรื่องเกินความจริงไป "สถิติอัตราผู้ป่วยมะเร็งสมองของประเทศไม่เคยเพิ่มขึ้นเลย แม้ว่าจำนวนโทรศัพท์จะเพิ่มสูงขึ้นเป็นจรวด และก็ยังไม่เคยเห็นคำอธิบายสาเหตุโทรศัพท์มือถือก่อมะเร็งที่อยู่กับร่องกับ รอยเลย".