ถั่วลิสง 1 ในยอดอาหารเสริม


โดย นพ. วัลลภ พรเรืองวงศ์

พวกเรา
คงจะได้ยินคำแนะนำให้กินถั่วเปลือกแข็ง (nut / นัท) วันละ 1 ฝ่ามือเล็กๆ หรือน้อยกว่า 1 ฝ่ามือหน่อย เพื่อสุขภาพ

วันนี้มีข่าวดีจากหน่วยงานโภชนาการออสเตรเลียคือ ถั่วลิสง (peanut) ก็มีดีพอๆ กับถั่วเปลือกแข็ง (nut / นัท) เหมือนกัน ต่างกันที่ราคาถูกกว่า และหาซื้อได้ง่ายในบ้านเรา

ถั่วลิสง (peanut) เป็นถั่วที่คนพม่าชื่นชอบมากเป็นพิเศษ ถึงกับนำไปทำน้ำมันถั่วลิสง (peanut oil) ใช้กันอย่างแพร่หลาย

ท่านพระอาจารย์อาคมจากจันทบุรีเล่าให้ผู้เขียนฟังตอนเดินทางไปศรี ลังกา (กุมภาพันธ์ 2550) ว่า อาหารพม่าเน้นน้ำมันมากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะสามเณรพม่านี่… ชอบฉันน้ำมันถั่วลิสงมาก

เวลาสามเณรพม่า กลับบ้านจะขนน้ำมันถั่วลิสงใส่แกลลอนกลับมาวัด บิณฑบาตได้ข้าวมาแล้ว หาหัวหอมสับๆ เข้าไป คลุกกับถั่วหลายชนิด… เทน้ำมันถั่วลิสงลงไปหน่อย เปิบง่ายๆ ได้เลย

เว็บไซต์ทางด้านโภชนาการออสเตรเลีย (www.nutritionaustralia.org) กล่าวว่า ถั่วลิสงมีคุณค่าทางอาหารใกล้เคียงกับนัท(ถั่วเปลือกแข็ง) เช่น อัลมอนด์ บราซิลนัท เม็ดมะม่วงหิมพานต์ ฯลฯ

ข้อดีเป็นพิเศษของนัท(ถั่วเปลือกแข็ง) เม็ดมะม่วงหิมพานต์ และถั่วลิสงได้แก่

  1. มีเส้นใย(ไฟเบอร์) โปรตีน สารพฤกษเคมี(สารคุณค่าพืชผัก) และสารต้านอนุมูลอิสระ (antioxidants) สูง
  2. มีไขมันชนิดเลว หรือไขมันอิ่มตัวต่ำ
  3. มีไขมันชนิดดีมาก หรือไขมันไม่อิ่มตัวตำแหน่งเดียว (monounsaturated fatty acids / MUFA) สูง ไขมันชนิดนี้ช่วยลดโคเลสเตอรอลชนิดร้าย (LDL) และมีแนวโน้มจะช่วยเพิ่มโคเลสเตอรอลชนิดดี (HDL)

คุณสมบัติของ นัท(ถั่วเปลือกแข็ง) เม็ดมะม่วงหิมพานต์ และถั่วลิสงปรากฏดังตาราง (ตารางที่ 1) คุณสมบัตินี้จะด้อยลงไปมากถ้านำไปทอด เนื่องจากน้ำมันชนิดดีจะซึมออกมา และน้ำมันที่ใช้ทอดจะซึมเข้าไป

...

ตารางที่ 1: แสดงปริมาณไขมันในนัท(ถั่วเปลือกแข็ง) เม็ดมะม่วงหิมพานต์ และถั่วลิสง ไขมันชนิดดีมากหรือ monounsaturated fatty acid / MUFA) และไขมันชนิดเลวหรือไขมันอิ่มตัว

อาหาร

ไขมันทั้งหมด(%)

ไขมันอิ่มตัว(%)

ไขมัน MUFA(%)

อัลมอนด์

52

5.20

35.36

บราซิล นัทส์

66

17.16

23.76

เม็ดมะม่วงหิมพานต์

46

9.20

28.52

เฮเซล นัทส์

63

5.04

51.66

มาคาดาเมีย นัทส์

74

11.84

60.68

ถั่วลิสง

49

7.35

24.99

พีแคนส์ (Pecans)

68

5.44

44.88

ไพน์ นัทส์

61

9.15

24.40

พาสทาชิโอ

48

6.24

34.56

วอล นัทส์

62

6.20

14.88

...

จากตารางข้าง ต้น (ตารางที่ 1) จะเห็นว่า ถั่วเปลือกแข็ง(นัทส์) เม็ดมะม่วงหิมพานต์ และถั่วลิสงส่วนใหญ่มีไขมันอิ่มตัว ซึ่งเป็นไขมันชนิดไม่ดีต่ำ มีไขมันไม่อิ่มตัวตำแหน่งเดียว (MUFA) หรือไขมันชนิดดีมากสูง

นอกจากนั้นยังมีคุณประโยชน์พิเศษอื่นๆ อีก เช่น

  • บราซิล นัทส์มีวิตะมินบี 1 และเซเลเนียม(ช่วยป้องกันมะเร็ง)สูง
  • เม็ดมะม่วงหิมพานต์มีธาตุเหล็ก(ช่วยสร้างเม็ดเลือดแดง และสังกะสีช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานโรค)
  • ถั่วลิสงมีวิตะมินบี 2,3 แคลเซียม และวิตะมินอีสูง
  • พาสทาชิโอส์มีสารพฤกษเคมี หรือสารคุณค่าพืชผัก (plant sterols) ที่ช่วยลดการดูดซึมโคเลสเตอรอลจากอาหารเข้าไปในร่างกาย

ถั่วลิสงมีค่าดัชนีน้ำตาล (glycemic index / GI) ต่ำมากคือ 14 ต่ำกว่าข้าวขาว (70) และข้าวกล้อง (55)

ถั่วลิสงเป็นอาหารที่ช่วยให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้นช้าๆ เหมาะกับการนำไปใช้เสริมการลดความอ้วน เพราะทำให้อิ่มได้นาน

อาหารที่มีดัชนีน้ำตาลสูง เช่น น้ำตาลกลูโคส (GI = 100) ฯลฯ ทำให้น้ำตาลในเลือดขึ้นเร็ว-ลงเร็ว ทำให้หิวบ่อย

อาหารที่มีดัชนีน้ำตาลต่ำ เช่น ถั่วลิสง (GI = 14) ฯลฯ ทำให้น้ำตาลในเลือดขึ้นช้า-ลงช้า ทำให้อิ่มนาน

ข้อควรระวัง สำหรับการเตรียมถั่วลิสงคือ ต้องเลือกเมล็ดถั่วที่ดี เตรียมแล้วทิ้งไว้ให้เย็น เก็บในภาชนะปิดสนิท เก็บในที่เย็นและแห้ง เช่น ตู้เย็น ฯลฯ และไม่ควรเก็บไว้นานเกิน 1 เดือน เพื่อป้องกันการเกิดเชื้อรา ซึ่งอาจมีสารก่อมะเร็ง (อะฟลาทอกซิน) ปนเปื้อนได้

ข้อควรระวังสำหรับถั่วเปลือกแข็ง(นัทส์) เม็ดมะม่วงหิมพานต์ และถั่วลิสงคือ "น้อยไว้ละดี" ไม่ควรกินเกินครั้งละ 1 ฝ่ามือน้อยๆ (ไม่รวมนิ้วมือ) เคี้ยวช้าๆ เพื่อให้เกิดความรู้สึก "อิ่ม"

ถ้าต้องการนำไปใช้ลดความอ้วน... ให้เดินหลังกินถั่วลิสง 10-20 นาทีทุกครั้ง จึงจะได้ผลดี

ถึงตรงนี้ขอให้พวกเรามีความสุขกับการกินถั่วเปลือกแข็ง(นัทส์) เม็ดมะม่วงหิมพานต์ และถั่วลิสงชนิดที่เตรียมมาอย่างดี และไม่ผ่านการทอดครับ…

gotoknow.org

เตือนภัย "Generation Y" เสี่ยงอันตรายบนกระแส "โซเชียลเน็ตเวิร์ก"




"Be careful what you post on facebook" หรือ "จงระวังสิ่งที่คุณโพสต์ในเฟซบุ๊ก" เป็นคำแนะนำของ "บารัก โอบามา" ประธานาธิบดีสหรัฐ ที่กล่าวกับเยาวชน เพื่อเตือนให้ผู้ใช้งานระวังการโพสต์ข้อความใด ๆ ที่อาจนำภัยมาสู่ตัว

การ์ด เนอร์คาดการณ์ว่า ปี 2012 เฟซบุ๊กจะกลายเป็นฮับของโซเชียลเน็ตเวิร์กทั่วโลก ซึ่งล่าสุดเฟซบุ๊กระบุว่ามียอดผู้ใช้ทะลุ 500 ล้านรายแล้ว มากกว่าจำนวนประชากรผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในจีนที่มีจำนวน 400 ล้านคน ขณะที่ประเทศไทย ยอดผู้ใช้เฟซบุ๊กมีประมาณ 4.2 ล้านราย ส่วนผู้ใช้ทวิตเตอร์มีสัดส่วนหลักแสนราย เป็นสถิติบ่งบอกความฮิตของผู้ใช้งานเครือข่ายสังคม ณ ปัจจุบันได้เป็นอย่างดี

แต่ในทางกลับกันรายงานล่าสุดระบุว่า เฟซบุ๊กเป็นเครือข่ายสังคมที่มีความเสี่ยงด้านความปลอดภัยมากที่สุดสำหรับ องค์กรถึง 61% ตามมาด้วยมายสเปซ 18% ทวิตเตอร์ 17% โดยเฉพาะรูปแบบการโจมตีผ่านเครือข่ายสังคมที่นับวันจะมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น เช่น การขโมยตัวตน เรื่องมาตรการความปลอดภัย ปัญหาเรื่องราวส่วนตัว ปัญหาศีลธรรมซึ่งล้วนส่งผลกระทบ ต่อองค์กรและส่วนบุคคลทั้งสิ้น จนผู้ใช้งานบางรายอาจจะต้องเจอกับภัยร้ายหรืออันตรายตามมาอย่างคาดไม่ถึง

"ปริญญา หอมเอนก" ประธานกรรมการ บริษัท เอซิส โปรเฟสชันเนล เซ็นเตอร์ จำกัด เล่าว่า สิ่งที่มาควบคู่กับประโยชน์ของโซเชียลเน็ตเวิร์ก คือ ภัยคุกคามที่นับวันจะมีสถิติเพิ่มมากขึ้น นอกจากการเป็นสื่อกลางนำพาไวรัสโทรจัน หรือเวิร์มต่าง ๆ ที่ส่งผลเสียหาย ต่อระบบคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้แล้ว ยังมีอันตรายที่เกิดจากการรั่วไหลของข้อมูลจากผู้ไม่ประสงค์ดีลักลอบนำ ข้อมูลส่วนตัวของบุคคลอื่น ๆ ไปแอบอ้าง

สิ่งที่อาชญากรไซเบอร์ ปฏิบัติ คือ การใช้เครือข่ายสังคมเป็นช่องทางในการหาเหยื่อมากขึ้น การขโมยตัวตนของบุคคลผ่านการซื้อข้อมูล การดาวน์โหลดมัลแวร์ที่มากับเว็บ 2.0, การโจมตีโดยอีเมล์, การสร้างโปรไฟล์ใหม่ขึ้นมาเพื่อไปโจมตี เป้าหมายที่ต้องการ และการแอบอ้างเป็นบุคคลอื่นในเครือข่ายสังคมที่มีเกิดขึ้นมากมาย รวมถึงล่าสุดที่รัฐมนตรีไอซีที นายจุติ ไกรฤกษ์ ซึ่งถูกแอบอ้าง เป็นต้น หรือแม้แต่การถูกแฮกข้อมูลของบรรดาเซเลบริตี้ รวมถึงความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของ ผู้ใช้เอง

โดยเฉพาะกรณีที่เกิดขึ้น จากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ และขาดความระมัดระวังในการใช้งานจนนำไปสู่ภัยต่าง ๆ นั้น ปัจจุบันกำลังเป็นประเด็นที่น่าสนใจ และถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นหนึ่งในหัวข้อการประชุมเกี่ยวกับความปลอดภัยของเครือ ข่ายสังคมระดับโลก

ปริญญาอธิบายว่า เจเนอเรชั่นวาย หรือผู้ที่เกิดระหว่างปี 1980-1995 (อายุ 15-30 ปี) ซึ่งมีประมาณ 80 ล้านคนทั่วโลก ส่วนใหญ่มีไลฟ์สไตล์ที่เสี่ยงต่อการโดนแฮกข้อมูลจากโซเชียลเน็ตเวิร์ก เพราะพฤติกรรมการใช้งานออนไลน์ของคน เจนวายที่ขาดความระมัดระวัง จึงมีโอกาส "เสี่ยง" ต่อการเกิดภัยคุกคามมากกว่าคนในเจเนอเรชั่นอื่น ๆ

ไลฟ์สไตล์ ที่ระบุว่าเป็นเจนวาย อาทิ การทำงานบนคอมพิวเตอร์ เล่นเครือข่ายสังคม มีแก็ดเจตทันสมัยเป็นของตัวเอง รู้จักเทคโนโลยี เป็นแฟนคลับดาราดัง ต้องการติดต่อสื่อสารอยู่ตลอดเวลาพิมพ์ข้อมูลข่าวสารได้รวดเร็ว เบื่อง่ายและถูกชักจูงจากผู้ใกล้ชิดได้ง่าย ล้วนเป็นพฤติกรรมที่เอื้อให้เกิดความประมาทในการใช้งาน

มีข้อมูล ระบุว่า 79% ของคนในเจนวาย มีงานประจำเต็มเวลา และมีการใช้งานออนไลน์เรื่องส่วนตัวระหว่างการทำงาน 52% มีการใช้พาสเวิร์ดเพียงอันเดียว สำหรับทุกการใช้งานและกว่า 26% บันทึกพาสเวิร์ดไว้ที่คอมพิวเตอร์ หรือพีดีเอของตน, 45% ของคนเจนวายมีการใช้ แอปพลิเคชั่นสำหรับแชร์ข้อมูลที่อนุญาตให้บุคคลอื่นสามารถเข้าถึง คอมพิวเตอร์หรือไฟล์ได้ และ 25% ไม่เคยล็อกเอาต์ออกจากระบบเมื่อใช้เครือข่ายสังคมในที่สาธารณะ

ดัง นั้นเพื่อป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้น ถ้าเป็นในระดับส่วนตัวบุคคลก็ต้องมี "สติ" ในการใช้งานบนเครือข่ายสังคม แต่หากเป็นองค์กร ต้องมีการพูดคุยเรื่องจรรยาบรรณและกลยุทธ์ที่แน่ชัดในองค์กร รวมถึงการตั้งนโยบายที่ชัดเจนของการใช้เครือข่ายสังคม และสร้างการตระหนักรู้ในการใช้งาน เพื่อป้องกันเหตุร้ายที่จะเกิดขึ้น

"ปรเมศวร์ มินศิริ" ผู้บริหารเว็บไซต์กระปุก ให้ข้อคิดที่น่าสนใจว่า เครือข่ายสังคม คือ สื่อที่เกิดจากการพูดคุยเหมือนกลยุทธ์ปากต่อปาก การใช้งานเครือข่ายสังคมจึงควรจะเล่นเท่าที่จำเป็น เรื่องใดที่น่าสนใจสามารถแชร์ให้เพื่อน ๆ รับรู้ได้ แต่หากเรื่องใดไม่จำเป็น หรือเป็นเรื่อง ส่วนตัว ก็ไม่จำเป็นที่จะเปิดเผยออกสู่สาธารณะ ผู้ใช้งานควรจะต้องรู้จักแยกแยะให้เหมาะสม

อย่างไรก็ดี แม้ว่าประเทศไทยจะมี พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 แต่กระนั้นยังไม่ครอบคลุมปัญหาที่เกิดขึ้น โดย พ.ต.อ.ญาณพล ยั่งยืน รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กระทรวงยุติธรรม แสดงความเห็นว่า อยากให้กฎหมายดังกล่าวครอบคลุมทุกฐานความผิดที่มีคอมพิวเตอร์มาเกี่ยวข้อง เพราะมีการ นำไอทีไปใช้ในทางที่ผิดกฎหมายมากขึ้น อาทิ พนันออนไลน์ การขายของละเมิดลิขสิทธิ์บนเว็บไซต์ ไล่ไปจนถึงการฉ้อโกง เป็นต้น ขณะที่กฎหมายปัจจุบันครอบคลุมเพียงความผิดในการใช้คอมพิวเตอร์เป็นการเข้า ถึงข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง เว็บโป๊เป็นหลัก ทำให้ทำอะไรไม่ได้มาก

สำหรับ ช่วงที่ผ่านมา คดีที่เกี่ยวกับ เครือข่ายสังคมเกี่ยวกับหมิ่นประมาท มีจำนวนมาก แต่ส่วนใหญ่เป็นการแจ้งความดำเนินคดีที่โรงพัก แต่คดีที่มีการขยายส่งที่ ดีเอสไอเข้าไปเป็นผู้รับผิดชอบนั้นมีจำนวนไม่มากส่วนใหญ่เป็นคดีหมิ่นสถาบันเป็นหลัก

ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

10 ความเสี่ยง "เฟซบุ๊ก" อาจทำร้ายชีวิตคุณ



ปัจจุบัน "เฟซบุ๊ก" มีจำนวนผู้ใช้ทะลุ 500 ล้านคนทั่วโลกแล้ว ซึ่งถือเป็นหลักไมล์ที่มีความสำคัญสำหรับทั้งบริษัทและเว็บเครือข่ายสังคม แต่ในขณะที่เฟซบุ๊กกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตใครหลายคน แต่ก็มีอีกด้านของเหรียญที่หลายคนอาจมองข้าม


เว็บบล็อกของ "นิวส์วีก" ได้รวบรวม 10 ความเสี่ยงที่เฟซบุ๊กอาจทำร้ายชีวิตของเราเอาไว้ เพื่อให้พวกเราใช้เว็บเครือข่ายสังคมอย่างรู้เท่าทัน


1.คุณอาจได้อยู่ร่วมกับคนครอบครัวอีกครั้งหลังจากมีเหตุให้ต้องแยกกัน ไป ซึ่งถือเป็นข่าวดี แต่ก็อาจไม่ใช่ทั้งหมด อย่างกรณีของ "พรินซ์ ซากาลา" ที่ค้นพบลูกๆ ของเธอจากเฟซบุ๊ก โดยเธออ้างว่าอดีตสามีเป็นผู้ที่พาลูกๆ หนีไปนานนับสิบปี แต่แม้ว่าแม่และลูกจะได้กลับมาเห็นหน้ากันอีกครั้ง แต่ติดปัญหาตรงที่เด็กๆ เติบโตมาจากการดูแลของพ่อ และไม่ต้องการที่จะอยู่ร่วมกับแม่ ขณะที่เรื่องราวของ "เอมี สวอร์ด" น่าตกใจกว่า เมื่อเธอถูกพิพากษาจำคุก 9-30 ปี ในคดีล่วงละเมิดทางเพศเด็กชายอายุ 15 ปี ซึ่งเป็นลูกชายในไส้ที่เธอปฏิเสธจะเลี้ยงดู แต่กลับมารู้จักกันทางเฟซบุ๊ก


2.จำไว้ว่าเจ้าหนี้สามารถตามรอยคุณได้ผ่านเฟซบุ๊ก โดยบรรดาเจ้าหนี้จะใช้เฟซบุ๊กเพื่อประเมินว่าคุณเป็นคนที่น่าจะปล่อยกู้ให้ หรือไม่ รวมทั้งใช้เฟซบุ๊กเป็นช่องทางที่จะติดตามความเคลื่อนไหวของลูกหนี้ และจับตาดูสินทรัพย์ที่อาจจะยึดมาชดใช้หนี้ที่คุณติดอยู่


3.บริษัทประกันอาจปฏิเสธการจ่ายชดเชย ดังกรณีของผู้หญิงที่ได้รับค่าชดเชยความเครียดจากการทำงาน แต่กลับไม่ได้รับเงินในส่วนนี้เพราะเธอโพสรูปที่กำลังยิ้มไว้บนเฟซบุ๊ก บริษัทประกันจึงขอตัดสิทธิประโยชน์ส่วนนี้ โดยอ้างว่าภาพดังกล่าวแสดงว่าเธอพร้อมที่จะกลับมาทำงาน ซึ่งเรื่องนี้อาจจุดชนวนให้ทนายความถกเถียงรเกี่ยวกับการจ่ายผลประโยชน์ ทุพพลภาพ จึงมีคำแนะนำไม่ให้เปิดเผยเรื่องส่วนตัวบนเฟซบุ๊กมากเกินไป


4.อดีตคนรักอาจใช้เฟซบุ๊กในคดีหย่าร้าง ปัจจุบันเฟซบุ๊กเป็นเครื่องมือยอดฮิตสำหรับทนายที่ทำคดีหย่าร้าง ซึ่งจะแสวงหาข้อมูลของสามีหรือภรรยาของลูกค้า เพื่อใช้เป็นหลักฐานถึงการละเลยไม่เอาใจใส่ การแอบคบกิ๊ก หรือหลอกลวง มีกรณีที่คุณแม่ต้องสูญเสียสิทธิในการเลี้ยงดูลูกๆ หลังจากอดีตสามีพิสูจน์ว่าเธอใช้เวลาส่วนใหญ่ในการเล่นเกมฟาร์มวิลล์ แทนที่จะใช้เวลาอย่างมีค่าเพื่อลูกๆ


5.เฟซบุ๊กอาจเป็นสาเหตุให้คุณเครียด นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยสโตนี บรู๊ก ในนิวยอร์ก พบว่า สาวๆ วัยรุ่นที่ใช้เวลาส่วนใหญ่สนทนาเรื่องราวชีวิตกับผองเพื่อนมีความเป็นไปได้ มากที่จะเครียด เพราะการใช้เวลามากเกินไปในการเม้าท์และคุยถึงปัญหาต่างๆ จะทำให้คุณรู้สึกแย่ลง ไม่ใช่ดีขึ้น แม้นักวิจัยจะไม่ได้เน้นศึกษากรณีของเฟซบุ๊กโดยเฉพาะ แต่ผลการศึกษาดังกล่าวก็สะท้อนว่าเว็บเครือข่ายสังคม อาทิ เฟซบุ๊ก อาจทำให้ผู้คนติดต่อเพื่อนๆ ได้ง่าย และมักพูดคุยเรื่องไม่เป็นเรื่อง


6.กระทบต่อหน้าที่การงาน จากผลสำรวจความเห็นของนายจ้างในอังกฤษ พบว่า ครึ่งหนึ่งของนายจ้างเหล่านี้ปฏิเสธว่าจ้างผู้สมัครที่เคยโชว์พฤติกรรมแย่ๆ ไว้บนเฟซบุ๊ก อาทิ เล่าเรื่องที่ตัวเองเมาจนหัวราน้ำ โพสภาพกิจกรรมนอกลู่นอกทาง และการใช้ภาษาแบบแย่ๆ ขณะที่ในสหรัฐ ราว 20% ของนายจ้างยอมรับว่าใช้เฟซบุ๊กในการหาผู้สมัครที่มีศักยภาพ ส่วนราว 9% บอกว่ากำลังจะเริ่มใช้เฟซบุ๊กในเร็วๆ นี้


7.แฉความลับที่ปิดซ่อนไว้ เพราะแม้คุณจะระมัดระวังการใช้เฟซบุ๊ก แต่ผองเพื่อนปากสว่างของคุณอาจไม่ได้ระวังด้วย และอาจเผลอโพสต์ข้อความที่แฉความลับของคุณ ยิ่งกว่านั้น การใช้เฟซบุ๊กยังอาจบ่งบอกสิ่งที่อยู่เบื้องหลังตัวตนของคุณ ยกตัวอย่างนักศึกษาสถาบันเอ็มไอทีได้ออกแบบกระบวนการทำงานที่สามารถบ่งบอก ได้อย่างแม่นยำว่าผู้ใช้รายใดที่เป็นเกย์ โดยวิเคราะห์จากจำนวนเพื่อนๆ ที่เป็นเกย์


8.เฟซบุ๊กทำให้คู่รักหรือพวกตามรังควานติดตามความเคลื่อนไหวของคุณได้ ง่ายขึ้น หากไม่มีเฟซบุ๊ก คนเหล่านี้อาจต้องหาวิธีอื่นที่จะไล่ตามคุณ แต่เฟซบุ๊กทำให้คนเหล่านี้ติดตามเหยื่อได้ง่ายและตอบกลับความเคลื่อนไหว ต่างๆ แม้เหยื่อจะพยายามตัดความสัมพันธ์แล้วก็ตาม อย่างกรณีของหญิงรายหนึ่งที่เปลี่ยนสถานะบนเฟซบุ๊กว่า "โสด" ถูกฆาตกรรมโดยสามีที่เพิ่งถูกบอกเลิก โดยหลังจากที่เขาเห็นภรรยาเปลี่ยนสถานะเป็นโสด เขาก็บุกเข้าไปทำร้ายเธอในบ้าน


9.คุณอาจถูกฟ้องหมิ่นประมาทได้ มีหลายกรณีที่ถูกฟ้องเพราะเนื้อหาที่โพสต์บนเฟซบุ๊ก อย่างในอังกฤษ นักธุรกิจหญิงชนะคดีหลังจากฟ้องร้องเพื่อนร่วมชั้นเรียนที่สร้างโปรไฟล์ปลอม ที่เต็มไปด้วยข้อความหมิ่นประมาท


10.เด็กๆ อาจตกเป็นเหยื่อของคนร้าย อย่างกรณีของเด็กสาวในอังกฤษที่ถูกฆ่าโดยผู้ร้ายข่มขืน ซึ่งโพสตัวตนบนเฟซบุ๊กเป็นวัยรุ่นเหมือนกัน แม้ในอังกฤษจะมีแอพพลิเคชั่น "panic button" สำหรับให้วัยรุ่นแจ้งเรื่องต้องสงสัยไปยังทางการโดยตรง แต่แอพพลิเคชั่นนี้ก็ยังไม่ได้มีใช้ในสหรัฐหรือเวอร์ชั่นอื่นๆ
------

ระดมสมองสร้างภาวะผู้นำ ไขปริศนา DNA of Leadership "สร้างกันได้ หรือมาแต่กำเนิด"


ดัง ที่ทราบ หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจจัดเทศกาล คืนกำไรให้ผู้อ่านเป็นประจำทุกปี ทั้งนั้นเพื่อเป็นการตอบแทนผู้อ่าน ที่ตลอดระยะเวลาผ่านมาได้ซื้อหนังสือพิมพ์ ลงโฆษณา หรือทำกิจกรรมร่วมต่าง ๆ กับหนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ

สำหรับปีนี้ หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจร่วมมือกับบริษัท เอพีเอ็ม กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาอันดับต้น ๆ ของเมืองไทย ด้วยการจัดสัมมนาในหัวข้อที่ว่า "DNA of Leadership สายพันธุ์เพื่อความสำเร็จขององค์กร"

ที่ไม่เพียงจะมีแม่เหล็กชั้นดี อย่าง"ฤทธิ์ ธีระโกเมน" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็มเค เรสเตอรองต์ จำกัด และ "อนุพงษ์ อัศวโภคิน" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเชี่ยนพร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) มาเป็นวิทยากรพิเศษ หากยังมี "พระไพศาล วิสาโล" เจ้าอาวาสวัดป่าสุคะโต จ.ชัยภูมิ มาร่วมแสดงความคิดเห็นในเรื่องเกี่ยวกับธรรมะสำหรับผู้นำด้วย

โดยมี "อริญญา เถลิงศรี" กรรมการ ผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอพีเอ็ม กรุ๊ป เป็นผู้ดำเนินรายการ พร้อมกับนำเสนอผลวิจัยจากสถาบันเอเอ็มเอ สหรัฐอเมริกา ในเรื่องที่เกี่ยวกับ DNA of Leadership

ซึ่งเบื้องต้น "อริญญา" มองภาพรวมจากงานวิจัย โดยบอกว่า เวลาเราพูดถึง DNA of Leadership เราไม่ได้มามองหาคนที่ต้องเกิดมาเป็นผู้นำ เพราะผลวิจัยบอกว่า องค์กรส่วนใหญ่ในวันนี้ไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงผู้นำกันอย่างจริงจัง

"เพราะ จากงานวิจัยปรากฏว่า การสร้างผู้นำในองค์กร แต่ก่อนใช้หลักสูตรอะไร ทุกวันนี้ก็ยังใช้หลักสูตรเดิม ๆ อยู่ และ 15 ปีที่แล้วเป็นอย่างไร ก็ยังเหมือนเดิม หมายความว่า เรายังจะเอาหลักสูตรเก่า ๆ สมัยเมื่อ 15 ปีที่แล้ว มาสร้างผู้นำในอนาคตกันต่อไปหรือไม่"

"ผลการวิจัยจะออกมา เยอะว่า หน่วยงานราชการ และองค์กรต่าง ๆ จากทั่วโลก ยังยึด และเน้นในภาคของอดีต และพยายามที่จะสร้างต่อ ๆ มา หรือบางองค์กรอาจจะระบุลงไปว่า ต้องหาคนแบบนั้น แบบนี้ ถึงจะใช่"

"คำ ถามจึงเกิดขึ้นว่า เวลาที่เราพูดถึง DNA of Leadership จริง ๆ แล้วคืออะไร เพราะวันนี้ต่างกับแต่ก่อนมาก ต่อให้มีกลยุทธ์ที่ดีสำหรับองค์กร

นอก จากนั้น "อริญญา" ยังมองว่า วันนี้ เราต้องหาให้ได้ หาให้เจอ ว่าในอนาคต ถ้าองค์กรนั้น ๆ จะประสบความสำเร็จ จะต้องมีผู้นำแบบไหน วิธีคิดแบบใด ต้องถอดรหัสออกมาให้ได้

"เพราะวันนี้ เวลาพูดถึงคำว่าผู้นำ ทำไมคำว่า DNA จึงถูกนำเอามาใช้บ่อย ซึ่งแน่นอนว่า ยุคนี้ สำหรับผู้นำ ศักยภาพอย่างเดียว คงไม่พอ เพราะมันลึกกว่านั้นเยอะ ลึกถึงขนาด ความคิด และจิตใจ ไม่ใช่ว่าจะปล่อยให้เป็นอย่างไรก็ได้ และจากผลวิจัยการสร้างผู้นำรุ่นใหม่ ๆ กลับไม่ใช่งานของ HR แต่เป็นงานของผู้นำระดับสูงในองค์กร ในภาพที่สำคัญเลย คือเราต้องเป็นคนสร้าง เป็นคนกำหนด ไม่ใช่อยู่ดี ๆ จะปล่อยไปเรื่อย ว่าจะเป็นใคร ยังไงก็ได้"

"จุดที่น่าสนใจจากผลวิจัย คือคนยุคใหม่ไม่ได้เลือกทำงานที่องค์กร แต่กลับมองว่า ทำงานให้ใคร ผู้นำคือใคร ต่างจากผลสำรวจในอดีต ที่คนส่วนใหญ่จะดูที่ชื่อเสียงของบริษัท แต่ปัจจุบันไม่ใช่แล้ว เกินกว่า 40 ประเทศ พบว่ากว่า 90%Generation Y มองว่า จะเลือกทำงานให้ใครมากกว่า มองชื่อเสียงขององค์กร"

"วันนี้ จึงเป็นเรื่องที่ท้าทายสำหรับผู้นำหลาย ๆ คนว่า ต้องกลับไปดูคนในองค์กร ว่าวันนี้ วิธีคิดของคนในองค์กร ยังเป็นแบบเก่าอยู่หรือเปล่า สามารถที่จะปรับเปลี่ยนวิธีคิดได้หรือไม่ และความคิด วิธีคิด การแสดงออก แบบไหนที่เหมาะกับสถานการณ์ปัจจุบัน และองค์กรเราในอนาคต"

นอกจาก นั้น ผลวิจัยยังระบุว่า ผู้บริหารระดับสูงที่ประสบความสำเร็จ 50% สามารถปรับเปลี่ยนได้ แต่อีก 50% อาจจะไม่สามารถปรับตัวได้ โดยผลสำรวจกว่า 40 ประเทศ พบว่าสติสำคัญมาก ๆ และผลวิจัยก็ระบุชัดเจนว่าต้องมีสติอยู่ตลอดเวลา

นอกจากนั้น "อริญญา" ยังตั้งคำถาม เพื่อนำไปสู่คำตอบว่า ทำไมยุคสมัยนี้ คำว่า Talent Management หรือ Succession Planning จึงเข้ามามีบทบาทเยอะมาก ทั้ง ๆ ที่เมื่อ 40-50 ปีที่แล้ว เราไม่เน้น คำนี้มาก



"คำ ตอบ คือสมัยก่อน ผู้นำอาจไม่ต้องปรับเปลี่ยนมาก แต่ในยุคนี้ แม้บริษัทยักษ์ใหญ่ยังล้มได้ ฉะนั้น จึงถึงเวลาแล้ว ที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงในลักษณะของผู้นำ และจากผลวิจัยที่สำรวจไปทั่วโลก ไม่มีที่ไหน องค์กรใด หรือหน่วยราชการไหนบอกว่า ไม่มีอะไรต้องเปลี่ยน มีแต่เปลี่ยนมาก หรือปานกลาง แต่ไม่มีที่ไหนจะเปลี่ยนน้อยเลย"

"หลาย ๆ องค์กรหาคนมาก็ไม่สำเร็จ เพราะดูแค่บุคลิกที่โดดเด่นแล้วก็รับเข้ามา ปรากฏว่าไม่สามารถตอบสนองต่อองค์กรได้ คำถามจึงเกิดตามมาว่า ทำไมองค์กรส่วนใหญ่จึงล้มเหลวในการเตรียมคนสำหรับอนาคต จากผลวิจัยพบว่า องค์กรที่ล้มเหลวในการสร้างผู้นำ คือไม่ได้ชี้ชัดว่า พฤติกรรมแบบไหนที่องค์กรต้องการ สำหรับผู้นำในอนาคต ซึ่งเป็นสิ่งที่สร้างยาก หรืออาจจะสร้างไม่ได้ เพราะฉะนั้น บางเรื่องอาจจะสร้างยาก หรืออาจจะใช้เวลานานมาก"

"ฉะนั้น การทำ Talent Management หรือ Succession Planning อาจจะต้องมาเริ่มหาสิ่งที่สร้างยากก่อน แล้วค่อยไปพัฒนา เพิ่มเติมสิ่งที่สามารถสร้างได้ต่อไป อันนี้เป็นประเด็นที่เจอเยอะในผลวิจัย และหลาย ๆ คนก็กลับไปมองระบบการคัดสรรผู้นำในองค์กรใหม่"

นอกจาก นั้น ในมุมมอง "ฤทธิ์" ต่อเรื่อง DNA of Leadership สายพันธุ์เพื่อความสำเร็จขององค์กร โดยเบื้องต้นเขามองว่า เรื่องของผู้นำเป็นเรื่องสำคัญ และเป็นสิ่งที่ ผู้บริหารระดับสูงทำอยู่ แต่กระนั้นก็ต้องยอมรับว่า ผู้นำในประเทศไทยนั้นหาได้ยาก

"ผู้นำใน รุ่นแรก ๆ นั้น เก่งบวกเฮงก็เพียงพอ แต่ในยุคนี้มันต่างไป คุณสมบัติของผู้นำยุคนี้ คงไม่ใช่แค่มีคนตามอย่างเดียว เพราะสมัยนี้ผู้นำบางคนก็ไม่มีคนตาม เพราะทุกอย่าง Online หมด แต่ในโลกของความเป็นจริง ยังไงก็ต้องมีคนตาม"

"ในฐานะที่ลงเรือลำ เดียวกัน ทั้งผู้นำกับผู้ตามก็ต้องไปในทิศทางเดียวกัน แต่ถ้าถามว่า ใครเป็นคนนำ แน่นอน ก็ต้องเป็นผู้นำ ฉะนั้น ทุกวันนี้จึงมีคำศัพท์ใหม่ ๆ เยอะมาก และเรื่องใหม่ ๆ สำหรับผู้นำก็มีเยอะ แต่สิ่งเหล่านี้เปรียบเสมือนอาวุธของผู้นำ แต่ผู้นำที่ดี แม้ไม่มีเครื่องมือ หรืออาวุธใด ๆ ก็นำได้ แม้จะมีแค่มือเปล่า"

"ฤทธิ์" จึงมองว่า สิ่งที่สำคัญสำหรับผู้นำในยุคนี้ จึงต้องมีคุณสมบัติอย่างน้อย 14 ประการ คือ

หนึ่ง ความซื่อตรงและไว้วางใจได้ การมีความเป็นผู้นำไม่ใช่สิ่งดีเสมอไป เพราะบางครั้งก็มีผู้นำที่ไม่ดี ก็เหมือนเอาอาวุธไปให้ผู้ร้าย การเป็นผู้นำจึงต้องทำให้คนที่ตามอยู่นั้นไว้ใจเรา ขณะเดียวกัน ผู้นำก็ต้องโปร่งใสและเปิดเผย

สอง ความยุติธรรม ปัญหาในบ้านเรา ส่วนมากเกิดจากความไม่ยุติธรรมซะส่วนใหญ่

สาม ไม่เย่อหยิ่ง ถ่อมตัว เราต้องวางตัวให้ดี ถ้าวางตัวสูงไป คนก็ไม่ชอบ และ ไม่สนับสนุน

สี่ เป็นผู้ฟังที่ดี

ห้า สมองเปิดกว้าง บางคนเป็นผู้ฟังที่ดี แต่ไม่ยอมเปิดใจ ผู้นำต้องเปิดใจรับความคิดใหม่ ๆ แม้จะแตกต่างกันและหลากหลาย

หก ไวต่อความรู้สึกของมนุษย์ เรื่องคนเป็นเรื่องใหญ่ สมัยนี้ผู้นำต้องเป็นคนใช้ พนักงานต้องการอะไร ผู้นำก็ดูแลจัดหาให้ คอยดู คอยถาม ว่าเป็นอย่างไร ทำงานได้ไหม ความรู้พอหรือเปล่า ขาดความรู้เรื่องไหนบ้าง ถ้าทำได้ จะเป็นผู้นำที่คนรัก

เจ็ด ไวต่อสถานการณ์ ไวต่อสิ่งใกล้ตัวของเรา เรื่องในโลก และเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับเรา ผู้นำต้องไว เพราะไม่เช่นนั้น จะมาโดนเราไม่รู้ตัว

แปด มีความคิดริเริ่ม MK ที่ผมดูแลนั้น ให้ความสำคัญกับตรงนี้มาก

เก้า มีวิจารณญาณ ต้องเป็นคนที่แยกแยะได้ว่า เวลาเราตัดสินใจ เราเชื่อข้อมูลได้มากแค่ไหน

สิบ มีอุเบกขา ความอดกลั้น

สิบเอ็ด มีความยืดหยุ่นและปรับตัวได้

สิบสอง มีการตัดสินใจที่ดี



สิบสาม มีการจูงใจที่ดี

สิบสี่ มีความเร่งด่วนต่อปัญหา

"สรุป คือใน14 ประการข้างต้น สำหรับผมแล้ว ผมเชื่อเรื่องความไว้วางใจต้องมาก่อน และหัวใจของผู้นำ คือจุดนี้ ฉะนั้น ถ้าไม่มีใครไว้วางใจตั้งแต่แรก ก็จบแล้ว"

เช่นเดียวกัน ในมุมมองของ "อนุพงษ์" กลับมองว่า เรื่องของผู้นำเป็นเรื่องที่จับต้องยากมาก เพราะจากประสบการณ์ของผมตั้งแต่เล็ก อยู่ที่บ้านก็คุยเรื่องงานกันตลอด มันจึงปลูกฝังลงไปในตัวผมด้วย

"ซึ่งเป็นข้อดีมาก ๆ เพราะอายุสัก 11-12 ปี ผมรู้จักการทำโฆษณา และด้วยความที่รักการอ่านมาตั้งแต่เล็ก จึงทำให้เราติดนิสัยเรื่องการเรียนรู้ และเรื่องของผู้นำนั้น เป็นเรื่องที่เฉพาะจริง ๆ ผมอ่านหนังสือมาเยอะ แต่คิดว่า ถ้าทำตามหนังสือเพียงอย่างเดียว อาจจะเจ๊งได้ เพราะเรื่องภาวะผู้นำ เป็นเรื่องที่เฉพาะจริง ๆ เช่น ในตำราบอกให้จ้างคนเก่ง ๆ มาก ๆ แต่ตอนที่ผมเพิ่งเปิดบริษัทใหม่ ๆ ยังหาคนสมัครงานไม่ได้เลย แล้วจะหาคนเก่ง ๆ มาจากไหน"

"เขาจะยอมมาทำงานหรือ อย่าว่าแต่คนที่มีประสบการณ์เลย คนที่เพิ่งจบใหม่ ๆ ยังหายากเลยครับ เพราะฉะนั้น ผู้นำต้องนำให้ได้ ทำให้ได้ทุกอย่าง ผมขอเรียนตรง ๆ ว่า ไม่ได้ตั้งบริษัทเพียงคนเดียว มี partner ชื่อคุณพิเชฐ วิภวศุภกร ซึ่งเป็นเพื่อนคู่คิด และช่วยกันคิด ช่วยกันทำ ซึ่งทั้งผมและ partner เป็นคนที่ตรงกันข้ามเลย คิดก็ไม่เหมือนกัน จึงเป็นข้อดีว่า เอาความคิดมาปรึกษากัน แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้เราทำงานร่วมกันได้ คือความเกรงใจ ผมว่า ถ้าเป็นเพื่อนกัน ทำงานร่วมกัน อาจจะเจ๊งได้ แต่ด้วยความที่เป็น partner จึงมีความเกรงใจ เป็นตัวช่วยให้ทำงานด้วยกันได้"

นอกจากนั้น "อนุพงษ์" ยังมองบทบาทของฝ่ายทรัพยากรมนุษย์ หรือ HR ว่า ยอมรับ แรก ๆ เกลียด HR มาก เพราะสมัยก่อน HR ในความรู้สึกผม เหมือนมาเฟียในองค์กรชัด ๆ

"ดัง นั้น แรก ๆ บริษัทจึงไม่มี HR ในสมัยก่อน องค์กรของผม จึงเป็นลักษณะของ Marketing Driven คือเน้นเรื่องของการตลาดเพียงอย่างเดียว แต่องค์กรที่ดี ควรจะเป็นองค์กรที่เป็น People Driven คือขับเคลื่อนไปด้วยคน"

"ฉะนั้น อย่างหนึ่งเลย หลังจากตอนช่วงปี 2007 ที่เราเริ่มทำ Vision และ Mission ขององค์กร เราก็เริ่มมากำหนด DNA ของคนในองค์กร ว่าควรจะเป็นอย่างไร และหลังจากนั้น ผมก็ได้ริเริ่มให้มีระบบการสร้างผู้นำในองค์กร โดยให้มี Coaching สำหรับผู้นำ และเอากลยุทธ์ขององค์กร และให้เด็กมาช่วยกันคิด แต่สุดท้ายก็ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะเราอยากจะให้เด็กของเรามี Innovation แต่เราไม่ได้ให้เครื่องมือเขา"

"หรือการที่จะเอาคนมาฝึกอบรม แต่เราไม่ได้ฝึกตามความถนัด หรือด้านเด่นของ คน ๆ นั้น เราไปฝึกตามสิ่งที่เราคาดหวังไว้ สุดท้ายก็ไม่ได้ผลเท่าที่ควร"

ดัง นั้น "สำหรับความเป็นผู้นำ หลายคนคิดว่า คุณค่าของเรา คือการที่นั่งอยู่แล้ว เด็กวิ่งมาหาเรา มาถามปัญหาเรา ผมว่า เราต้องกลับไปคิดใหม่ คุณค่าของเรา คือนั่งอยู่นิ่ง ๆ และมองไปในอนาคต และเตรียมการเพื่ออนาคต"

"ต่อจากนั้น สิ่งที่ผมให้ความสำคัญ มาก ๆ คือการทำ Assessment หลาย ๆ ครั้ง เราทำพลาด โดยการเอา Top Sale ไปเป็น Sale Supervisor สิ่งที่เราได้ คือเราได้ Sale Supervisor ที่ห่วยหนึ่งคน จนสุดท้ายก็เสียทั้ง Sale ที่เก่ง และ Supervisor ที่เก่งไป เพราะไม่สามารถทำได้"

"คำถาม คือเราเอาคนที่ไม่มีความสามารถในการ Management มาทำตรงนี้ สุดท้ายจะทำได้อย่างไร เมื่อเราเจออย่างนี้ เราจึงมาเน้นเรื่องของการวัดประเมินคน เพื่อวัดดูว่า คน ๆ นั้นขาดอะไรจริง ๆ และเอาโปรแกรมต่าง ๆ มาช่วยเสริม ช่วยเติมลงไป ซึ่งตรงนี้ ผมเป็นคนลงไปดูเอง ผลักดันเองอย่างจริงจัง อยากจะฝากเอาไว้ว่า งานของ CEO สุดท้ายแล้วอยู่ที่คน เราต้องดูคน ทำงานกับคน และผลักดันคน"

"เพราะ การทำงานในองค์กร เราต้องมาดูคน ดูโครงสร้าง ดูการทำงาน ว่าไปด้วยกันได้หรือเปล่า เพราะทุก ๆ อย่าง ไม่ว่าจะระบบ โครงสร้าง อะไรก็ตาม มันต้องมีคนอยู่"

"และสำคัญมาก ๆ สำหรับผู้นำ คือ วิสัยทัศน์ ชัดขนาดว่า มองให้ออกว่าจะให้ในอนาคตเป็นยังไง ลูกค้าสัมผัสอย่างไร จะบริการยังไง และต้องมี passion ที่จะทำให้ vision สำเร็จ และต้องสามารถ inspire คนให้เห็นวิสัยทัศน์ร่วมกับคุณให้ได้"

"เพราะ การเปลี่ยนวิธีคิดของคนยากมาก บางครั้ง เราอาจจะต้องนำคนจาก Industries อื่นมาผสมบ้าง เพื่อให้เกิดแรงกระตุ้นใหม่ ๆ วิธีคิด หรือวิธีการทำงานใหม่ ๆ ถึงจะทำให้คนในองค์กรเกิดแรงผลัก"

ขณะเดียวกัน ในมุมมองของ "พระไพศาล วิสาโล" กลับมองเรื่องของ DNA of Leadership น่าจะต้องเกี่ยวข้องกับ "ธรรมะสำหรับผู้นำ" เพราะผู้นำ คือผู้ที่สามารถนำพาผู้คนให้ทำภารกิจจนลุล่วงตามเป้าหมาย

แต่การที่จะทำให้บรรลุเป้าหมายนั้น จำเป็นต้องมี 2 สิ่งประกอบกัน คือ

หนึ่ง วิธีการผลักดันให้งานสำเร็จ

สอง การชักนำ บันดาลใจผู้คนให้ขับเคลื่อนงาน

"ซึ่ง คุณสมบัติของผู้นำในการชักนำ หรือบันดาลใจผู้คน นอกจากจะต้องเสียสละ ทำเพื่อคนอื่นได้ กล้าหาญ กล้าชนอุปสรรค ถ้าไม่กล้าทำ ก็ยากที่คนจะทำตาม มีปัญญา ร่วมทุกข์ ร่วมสุข ถ้าไม่สามารถรับรูปความทุกข์ได้ ก็ไม่สามารถทำงานได้ ถ้าเอาแต่สบาย ไม่ไปดูลูกน้อง อย่างผู้บริหารสายการบินแห่งหนึ่ง จะกำหนดว่า เดือนไหน เวลาไหน จะลงไปทำงาน ตำแหน่งอะไร ลงไปถึงระดับล่าง ๆ เพื่อรับรู้ปัญหา"

"เมตตากรุณา สำคัญมาก สำหรับการ สร้างศรัทธา และความน่าเชื่อถือ เปิดโอกาส เพื่อให้ลูกน้องได้แสดงความสามารถ ไว้ใจว่าลูกน้องสามารถทำได้ สร้างความมั่นใจให้กับลูกน้อง ให้ความไว้วางใจ ให้โอกาสได้ตัดสินใจ ใจกว้าง รับฟัง ให้มีส่วนร่วม ถ้าเราฟัง ลูกน้อง ก็ทำให้เขารู้สึกว่ามีคุณค่า มีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น ยกความดีให้ผู้อื่น ผู้นำต้องเสียสละ คนเป็นผู้นำ ต้องยกความดีให้ผู้อื่น เพื่อให้คนอื่นมีกำลังใจ และความรับผิดอยู่กับผู้นำ ความชอบตกอยู่กับลูกน้อง คนที่ทำงานด้วยก็รู้สึกเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ"

"เป็นกันเอง ไม่ใช่ว่าผู้นำไปไหน ก็มีแต่คนกลัว ไม่กล้าเดินขึ้นลิฟต์ไปด้วย"

นอก จากนั้น "พระไพศาล วิสาโล" ยังอธิบายถึงเรื่อง "การนำเพื่อให้งานสำเร็จ" ที่จะต้องประกอบด้วยการนำ หรือชักชวนให้ทำตาม (lead from the front) ผู้นำริเริ่มในสิ่งที่คนไม่เคยทำ หรือยากที่จะทำ ผู้นำต้องเป็นแม่ทัพนำคนไปให้ได้ และกระตุ้นให้ เขาริเริ่มทำ หรือขับเคลื่อนงานด้วยตัวเอง (lead from the back) ผู้นำก็อยู่ห่าง ๆ คอยเป็นโค้ชให้

"ที่สำคัญ ผู้นำที่เป็นกัลยาณมิตร จะต้องไม่ใช่แค่สั่งอย่างเดียว แต่ผู้นำที่ดี จะต้องเป็นทั้งหัวหน้า ครู และเพื่อน ที่นอกจากจะน่ารัก น่าเคารพ น่ายกย่อง รู้จักชี้แจงให้เข้าใจ แถลงเรื่องล้ำลึกได้ ยังจะต้องอดทนต่อถ้อยคำ และไม่ชักนำไปในทางเสื่อมเสีย"

ที่ไม่เพียงจะต้องขับเคลื่อนงานและบริหารคน หากในมุมมองของ "พระไพศาล วิสาโล" ยังมองไปถึงเรื่องการดูคนเป็น เห็นศักยภาพ, มีความยุติธรรม, เมตตากรุณา และหนักแน่น เพราะเรื่องดังกล่าวเกี่ยวพันกับอำนาจ 3 ประเภท คือ

หนึ่ง รับฟังความเห็นของเพื่อนร่วมงาน

สอง ให้เพื่อนร่วมงานมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ

สาม พร้อมที่จะถูกนำ ทำตามมติของ หมู่คณะ

สรุป คือเคล็ดลับในการเป็นผู้นำ ตามความหมายของ "พระไพศาล วิสาโล" คือยอมที่จะเป็นฝ่ายถูกนำด้วย "เนลสัน แมนเดลา" อดีตเลขาธิการสหประชาชาติ และผู้นำของประเทศแอฟริกาใต้คนปัจจุบัน ที่พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อประชาชนของโลก และประชาชนชาวแอฟริกันใต้ทุกคน

ซึ่งเขา นอกจากมีคุณธรรม ยังลดอัตตา ถ่อมตน ไม่อวดโอ้, ไม่หลงใหลในโลกธรรม และมีความมั่นคงภายใน

จนทำให้เขากลายเป็นผู้นำของโลกในวันนี้ ?

ประชาชาติธุรกิจ

ฟิตหัวใจ ด้วยการออกกำลังกาย

Pic_99411

กีฬา เป็นยาวิเศษ ยังคงเป็นความจริงเสมอ การเล่นกีฬา หรือการออกกำลังกายสามารถช่วยฟื้นคืนสมรรถภาพให้กับทุกส่วนของร่างกายได้ เป็นอย่างดี ไม่เว้นแม้แต่ผู้ป่วยโรคหัวใจ การออกกำลังกายจะช่วยฟื้นฟูสุขภาพหัวใจให้กลับมาแข็งแรงได้ดีเช่นกัน

การ ฟื้นฟูหัวใจ เป็นกระบวนการที่จะทำให้ผู้ป่วยโรคหัวใจกลับมามีสมรรถภาพและความสามารถ ปฏิบัติกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ มีอาการเหนื่อยน้อยลง มีชีวิตความเป็นอยู่ดีเหมือนก่อนการป่วย ทั้งสภาพร่างกายและจิตใจ

การออกกำลังกาย

ใน อดีตวิทยาศาสตร์การแพทย์และเวชศาสตร์การกีฬา ให้ความสำคัญกับการออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างสมรรถภาพร่างกายเป็นอย่างมาก โดยเน้นการออกกำลังกายในรูปแบบที่จำเพาะเจาะจง เช่น ออกกำลังกายสร้างความทนทานของร่างกาย เป็นต้น ด้วยความเชื่อว่าการจะเพิ่มสมรรถภาพทางกายได้ดี จำเป็นต้องออกกำลังกายอย่างหนักเท่านั้น แต่ในระยะหลังมีหลักฐานว่าการประกอบกิจกรรมทางกาย ซึ่งรวมถึงการทำงานบ้าน ทำสวน และทำกิจกรรมสันทนาการยามว่างในปริมาณที่มากพอ ก็สามารถเพิ่มความสมบูรณ์ของสมรรถภาพร่างกายและก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสุขภาพ ได้เช่นกัน

นอกจากนี้ การสนับสนุนให้ทำกิจกรรมให้ได้ปริมาณตามที่ต้องการ ก็สามารถนำไปปฏิบัติได้สะดวกกว่าการแนะนำให้ออกกำลังกายโดยตรง ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีเวลา ไม่มีสถานที่ที่จะออกกำลังกาย

สมรรถภาพทางกายมีอะไรบ้าง

1. สมรรถภาพของระบบหัวใจและปอด เป็นสมรรถภาพหรือความทนทานของการใช้ออกซิเจน ใช้เป็นค่าหลักเพื่อประเมินความสามารถในการทำงานและการเล่นกีฬาของบุคคลทั่ว ไป และใช้ในการประเมินเพื่อวินิจฉัย พยากรณ์โรคและติดตามการรักษาผู้ป่วยโรคหัวใจ

2. สมรรถภาพของกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้อที่แข็งแรงทนทานช่วยให้ประกอบกิจวัตรประจำวันโดยไม่เหนื่อย ประเมินได้จากน้ำหนักที่ยกได้ หรือความตึงตัวของกล้ามเนื้อที่เกิดขึ้นขณะใช้กำลังในแบบต่างๆ ในผู้ป่วยโรคหัวใจก็นิยมฝึกให้กล้ามเนื้อแข็งแรง เพราะสัดส่วนความหนักของแรงที่ใช้มีผลต่อความดันโลหิตโดยตรง หากกล้ามเนื้อแข็งแรงมาก เปอร์เซ็นต์ความหนักที่ใช้ในการทำงานก็ลดลง ช่วยให้ความดันโลหิตไม่เพิ่มหรือเพิ่มน้อย ส่งผลให้ปริมาณความต้องการใช้ออกซิเจนของกล้ามเนื้อหัวใจลดลง

3. ความยืดหยุ่นของร่างกาย กล้ามเนื้อข้อต่อที่เคลื่อนไหวได้น้อยกว่าปกติ จะลดประสิทธิภาพในการประกอบกิจกรรมต่างๆ ทำให้ต้องใช้พลังงานเพิ่มขึ้น อาจทำให้เกิดการบาดเจ็บหรือเกิดอาการปวดได้ง่าย

4. สัดส่วนไขมันของร่างกาย ผู้ที่มีสุขภาพดีไม่ควรมีไขมันในร่างกายเกิน 30% เพราะไขมันส่วนเกินเป็นสาเหตุของโรคอ้วน โรคหัวใจ โรคเบาหวาน ผู้ที่มี่ค่า BMI > 25 กิโลกรัม/ตารางเมตร จะมีความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจ


ผลของการออกกำลังกาย ต่อ โรคหลอดเลือดหัวใจ

1. ชะลอการแข็งตัวของหลอดเลือด การออกกำลังกายช่วยลดความรุนแรงในการเกิดหลอดเลือดหนาตัว ชะลอความก้าวหน้าของโรค ซึ่งอาจเป็นผลของกิจกรรมทางกายโดยตรง หรือช่วยเบี่ยงเบนปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ เช่น ลดไขมัน ลดความดันโลหิต ลดโคเลสเตอรอล เป็นต้น

2. ยับยั้งการเกิดลิ่มเลือด การออกกำลังกายหนัก สามารถลดและยับยั้งการเกิดลิ่มเลือดได้ และการออกกำลังกายทั้งระยะสั้นและระยะยาวยังมีผลต่อการทำงานของเกล็ดเลือด ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญทางพยาธิสรีรวิทยาในการเกิด ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน

3. ส่งเสริมการทำงานของผนังชั้นในหลอดเลือด ผนังชั้นในของหลอดเลือดจะทำหน้าที่หลั่งสารบางชนิด ซึ่งช่วยในการป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ

4. ปรับการทำงานของระบบประสาทอัตโนมัติ การทำงานของระบบประสาทอัตโนมัติที่มากเกินไป สัมพันธ์กับการเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดภาวะผิดปกติของหัวใจ โดยเฉพาะผู้ที่เป็นโรคหลอดเลือดหัวใจอยู่ก่อนแล้ว การออกกำลังกายสามารถปรับเปลี่ยนความแปรปรวนของอัตราการเต้นหัวใจ ของผู้ป่วยที่หัวใจล้มเหลวและผู้ป่วยกล้ามเนื้อหัวใจตายให้ดีขึ้นได้

5. ต้านการเกิดภาวะหัวใจขาดเลือด การปรับตัวภายหลังการออกกำลังกายแบบแอโรบิก ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยอัตราการเต้นของหัวใจที่ลดลง จะส่งผลให้ช่วงกล้ามเนื้อหัวใจคลายตัวนานขึ้น กล้ามเนื้อหัวใจจึงได้รับเลือดมากขึ้น

ภาวะแทรกซ้อนจากการออกกำลังกาย ที่ผู้เป็นโรคหัวใจพึงระวัง!

1. ภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลันที่พบในคนอายุน้อยกว่า 40 ปี จะเกิดจากโรคหัวใจแต่กำเนิด ส่วนที่พบในคนอายุมากกว่า 40 ปี เกิดจากโรคหลอดเลือดหัวใจ โดยพบว่ามักเกิดขณะวิ่ง บ่อยกว่าการทำกิจกรรมอื่น เพราะสำหรับผู้ที่ไม่แข็งแรงแล้ว แม้แต่การวิ่งช้าๆ ก็อาจใช้พลังงานสูงมากกว่า 80% VO2max (VO2max เป็นค่าที่บอกให้ทราบถึงความสามารถในการใช้ออกซิเจนได้อย่างสูงสุด)

2. ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายพบบ่อยกว่าหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน 7 เท่า และมีการออกกำลังกายเป็นสาเหตุเกี่ยวข้องถึง 4-20% โดย 4-7% เกิดจากการออกกำลังกายที่หนักเกินไป

3. การบาดเจ็บของกระดูกและกล้ามเนื้อ ซึ่งไม่ใช่อันตรายร้ายแรง แต่ก็พบบ่อยและเป็นสาเหตุให้คนหยุดออกกำลังกาย มักเกิดได้ง่ายถ้าใช้แรงหนักมากและมีแรงกระแทก

การออกกำลังกายถึงแม้ ว่าจะเสริมสร้างประโยชน์ให้กับร่างกายได้มากมาย แต่ก็อาจทำให้เกิดอันตรายได้ หากผู้ออกกำลังกาย ไม่คำนึงถึงภาวะการเจ็บป่วยของตน หรือออกกำลังกายเกินกำลังความสามารถของตนเอง ดังนั้น การออกกำลังกายในภาวะที่มีการเจ็บป่วย ควรปรึกษาแพทย์ หรืออยู่ในความดูแลของผู้เชี่ยวชาญ เพื่อรับคำแนะนำในการออกกำลังกายที่เหมาะสม ก็จะได้รับประโยชน์สูงสุด และไม่เกิดภาวะแทรกซ้อนใดๆ ต่อผู้ที่ออกกำลังกาย

ศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู โรงพยาบาลเวชธานี
www.vejthani.com

แฉผู้ชายเอเชียต้องแห่ไปแต่งงานกับคนต่างชาติ หลังเจอวิกฤตผู้หญิงเอเชียรักโสด



สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 26 ก.ค.ว่า หน่วยงานศึกษาด้านประชากรแห่งชาติของฝรั่งเศส เปิดเผยว่า ผู้ชายเอเชียที่ต้องแต่งงานกับผู้หญิงต่างชาติได้เพิ่มจำนวนสูงขึ้น เนื่องจากผู้หญิงเอเชียมีความเต็มใจที่แต่งงานน้อยลง เพราะรักชีวิตโสด โดยจากสถิติล่าสุดที่นับจากปี 2009 ระบุว่า จำนวนนี้ ประกอบด้วยผู้ชายไต้หวัน เพิ่มขึ้น 15 % ผู้ชายเกาหลีใต้ 8 % และญี่ปุ่น 5-6 %

รายงานระบุว่า ปรากฎการณ์ดังกล่าวได้สร้างแนวโน้มการดึงชาวต่างชาติเข้าภูมิภาคเอเชียเพิ่มขึ้น โดยระดับการศึกษาที่สูงขึ้น ทำให้ผูหญิงเอเชียมากขึ้น ไม่เต็มใจที่จะใช้ชีวิตเป็นแม่บ้านแม่เรือนเหมือนอย่างสมัยก่อน และพวกเธอต้องการรักษาหน้าที่การงานและการเป็นโสด ขณะที่ผู้ชายยังคงตระหนักว่า พวกเขามีภาระต้องสร้างครอบครัวและสร้างทายาทสืบสกุล

มติชนออนไลน์

หัวใหญ่ดีกว่าหัวเล็ก..??



นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบว่าคนศีรษะใหญ่มี ความจำและทักษะการคิดดีกว่าคนที่มีศีรษะเล็ก
แม้เซลล์สมองทั้งสองกลุ่มจะ มีจำนวนการตายที่เท่ากัน



หัวหน้าผู้ทำการศึกษา โรเบิร์ต เปอเนสกี้ จากมหาวิทยาลัยเทคนิคคอลแห่งมิวนิค ในประเทศเยอรมัน กล่าวว่า ′ผลลัพธ์เหล่านี้เพิ่มน้ำหนักให้ทฤษฎีการสำรองสมองหรือความสามารถส่วนบุคคล ที่ทนต่อการเปลี่ยนแปลงในสมอง



ผลการวิจัยของเรายังเน้นความสำคัญของการพัฒนาสมองที่ดีที่สุดในช่วงต้นชีวิต เนื่องจากสมองถึงร้อยละ 93 จะหยุดพัฒนาตอนอายุ 6 ขวบ



ขนาดของศีรษะเป็นวิธีหนึ่งในการวัดการเจริญเติบโตของสมอง


ในขณะที่การเจริญเติบโตของสมองบางส่วนถูกกำหนดโดยพันธุกรรมและอิทธิพล จากอาหารการติดเชื้อและการอักเสบ

′พัฒนาสมองระหว่างอยู่นครรภ์และปัจจัยสิ่งแวดล้อมในชีวิตตอนเด็กมีนัยสำคัญ อาจเพิ่มพื้นสำรองของสมองซึ่งจะมีผลต่อความเสี่ยงของการเสื่อมหรือความ รุนแรงของอาการของโรคสมองเสื่อม ดร.เปอเนสกี้ กล่าว



นักวิจัยได้ทดลองผู้ป่วยที่เป็นโรคสมองเสื่อม 270 คน ด้านความจำและทักษะการคิด โดยใช้วิธีสแกนสมอง (MRI) เพื่อประเมินระดับการตายของเซลล์สมอง ขนาดของศีรษะมีความสัมพันธ์กับอาการป่วย



ผลการตีพิมพ์ในวารสารประสาทวิทยาพบว่ามีศีรษะขนาดใหญ่มีการเชื่อมโยงที่ดี แม้ว่าเซลล์สมองตายเท่ากันจากโรคสมองเสื่อม ขนาดศีรษะที่ใหญ่ขึ้น 1 เซนติเมตร จะมีส่วนต่อความทรงจำที่พัฒนาขึ้น 6% ของทุกๆ 1% ในเซลล์สมองที่ตาย

ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

เพื่อความสวัสดีแห่งชีวิต ว.วชิรเมธี

๘๗ ปรัชญาการทำงานและการดำเนินชีวิตของ ดร.เทียม โชควัฒนา (III)



๖๑. สะสมลาภยศความ ดี เพื่อประโยชน์ในภายภาคหน้า
ถ้าจะให้ชื่อเสียงดี มีเกียรติยศ มีภาพพจน์ดี
เป็นที่รับรู้ของคนทั่วไปในอนาคต
ต้องกระทำความดีอย่างสม่ำเสมอ.

๖๒. เดิน เร็ว...ฝีเท้าย่อมไม่สวยและอาจหกล้มได้
จะก้าวให้มั่นคงและกิจการไม่ล้มเหลวต้องรอบคอบเสมอ.

๖๓. เกียรติที่สูง...ไม่จำเป็นต้องให้ตัวเองอวดอ้าง
ถ้าเราทำตัวเหมาะสมกับคนที่มีเกียรติแล้วไม่อวดอ้าง
คนอื่นก็จะมอบเกียรติให้เราเอง.

๖๔. การช่วยเหลือผู้อื่น และมองคนในแง่ดี ทำให้เกิดสุขทางใจ
การทำบุญทำทานช่วยเหลือผู้อื่น มองหรือคิดถึง
ผู้อื่นในแง่ดี ทำให้จิตใจของตนดีและมีความสุขได้.

๖๕. ผู้ที่เป็นผู้นำได้...ต้องผ่านความลำบากมาก่อน
คนที่เคยลำบากมาแล้วย่อมเป็นหัวหน้างานที่สามารถ
ให้กำลังใจกับลูกน้องได้ดี.

๖๖. ทำงานมากก็ผิดพลาดมาก...ทำน้อยก็ผิดพลาดน้อย
คนเราทำงานก็ต้องมีผิดพลาดบ้าง คนที่ไม่มีความผิด
ก็คือคนที่ไม่ได้ทำอะไรเลย.

๖๗. หากดีแต่พูดไม่ ลงมือทำ...ความคิดก็ไม่อาจเป็นจริงได้
เมื่อไม่ลองปฎิบัติก็ไม่รู้ว่าที่คิดนั้นทำยากหรือง่าย
งานบางอย่างอาจพูดง่ายแต่ทำยาก.

ยาสีฟันสมุนไพรพฤกษาเฮิร์บ


๖๘. การทำงาน...ต้องมีเป้าหมาย
การทำงานโดยไม่มีเป้าหมาย
เหมือนคนที่ไม่มีจุดมุ่งหมายในชีวิต

๖๙. เราพูดด้วยความโมโหเพียงครั้งเดียว
แต่อยู่ในใจของคนอื่นตลอดชีวิต
การพูดโดยใช้อารมณ์ ไม่ใช้สติไตร่ตรองเสียก่อน
แม้เพียงครั้งเดียวก็อาจลำลายทั้งตนเองและมิตรภาพได้ตลอดไป.

๗๐. ความใกล้ชิด...ย่อมนำมาซึ่งความเข้าใจและผลของงานที่ดี
การทำงานด้วยความใกล้ชิดกับลูกน้อง หัวหน้านอกจากมีโอกาส
ศึกษาผลของงานแล้ว ยังได้ศึกษานิสัยการทำงานของลูกน้องด้วย.

๗๑. การทำการค้าต้องเดินสายกลาง ยึดหลักมั่นคงไว้ก่อน
ทำการค้าอย่าลงทุนเกินตัว ต้องเก็บส่วนหนึ่งไว้เป็น
ความมั่นคงของตนเองและครอบครัวด้วย.

๗๒. ผิดครั้งแรกเป็นครู...แต่ผิดซ้ำสองนั้นถือว่าโง่
คนเราทำงานก็ต้องมีผิดพลาด แต่สิ่งสำคัญ
ต้องจดจำความผิดนั้นนำมาวิเคราะห์หาสาเหตุ
ถ้าผิดซ้ำซากก็เหมือนคนที่หาบทเรียนจากประสบการณืไม่ได้.

๗๓. คนจะโง่หรือฉลาด...ดูได้จากคำพูด
คำพูดเปรียบเหมือนประตูของจิตใจ คนโง่จะพูด
เรื่องที่ขาดหลักคิดและเหตุผล ในขณะที่คนฉลาด
จะมีเหตุผลและหลักการคิดที่ดี.

๗๔. ไม่มีใครเคยตายเพราะงานหนัก
ในการทำงาน ให้ยึดหลังว่าทำเข้าไปเถิดสิ่งที่ว่ายาก
เพราะยิ่งทำสิ่งที่ยากมาก หรือหนักมาก ก็ยิ่งรู้มาก.

๗๕. ชีวิตการศึกษา ต่างจากชีวิตการทำงาน
ในชีวิตการศึกษา เราจะรับความรู้จากครูบาอาจารย์
คนที่จบการศึกษาใหม่ๆ มักจะยึดติดกับทฤษฎีที่ร่ำเรียนมา
เปรียบเหมือนมีศีรษะและความคิดเป็นรูปสี่เหลี่ยม
มีด้านและมุมที่ตายตัว จึงเข้ากับผู้อื่นได้ยาก แต่ในชีวิตการทำงาน
เราต้องหาความรู้จากสิ่งรอบข้างและประสบการณ์
แล้วถ่ายทอดต่อให้ผู้อื่น จึงต้องปรับตัวเข้ากับผู้อื่นให้ได้
เปรียบเหมือนพัฒนาศีรษะและความคิดของตน
จากรูปทรงสี่เหลี่ยมให้เป็นทรงกลม ทรงรี และทรงแหลมในที่สุด
เพราะรูปทรงแหลมสามารถสอดแทรกไปได้ง่าย
หมายความว่าคนผู้นั้นมีความสามารถปรับตัวเข้ากับผู้อื่นได้.

๗๖. ตระกูลที่สะสมแต่กรรมดี...ย่อมประสบแต่สิ่งสิริมงคล
ชีวิตของคนเราต้องทำแต่สิ่งที่ดีงาม..จึงจะเจริญ.

๗๗. ความรู้มีอยู่ทุกหนแห่ง อยู่ที่เราจะรับรู้หรือไม่
เราหาความรู้ได้ทุกหนแห่งทุกเวลา อยู่ที่เราจะ
เก็บเกี่ยวอย่างไรและเมื่อไร บางคนมีความสามารถ
ในการเก็บเกี่ยวซึมซับความรู้จากสิ่งแวดล้อมและประสบการณ์
อาจมีความรู้มากกว่าคนที่จบจากมหาวิทยาลัยเสียอีก
และบางครั้งความรู้ที่ได้จากสถานการณ์จริงและ
ประสบการณ์นั้นสามารถนำมาใช้ในชีวิตได้ดีกว่า.

๗๘. หัวหน้าที่ดีต้องรู้จักชื่นชมลูกน้อง
หัวหน้างานที่ค้นหาจุดเด่นของลูกน้องแล้วชมเชย
จะเป็นกำลังใจให้ลูกน้องหมั่นทำความดีต่อไป
แต่หัวหน้างานที่คอยแต่จะค้นหาจุดด้อยมาตำหนิ
จะทำให้ลูกน้องหมดกำลังใจ กล่าวได้ว่า
เป็นคนที่มองไม่เห็นคุณค่าของลูกน้อง.

๗๙. ร่างกายต้องการอาหารกาฉันใด...จิตใจต้องการอาหารใจฉันนั้น
ขณะที่ร่างกายของคนเราต้องการอาหารเพื่อเป็นพลังงานในการมีชีวิต
จิตใจของคนเราก็ต้องการความรู้และหลักการคิดที่ดี
เพื่อเป็นพลังในการเป็นคนดี มีจิตใจดีเช่นกัน.

๘๐. ปลูกต้นไม้ใหญ่ใช้เวลาร้อยปี สร้างคนใช้เวลาสิบปี
การจะสร้างสิ่งหนึ่งสิ่งใดให้แข็งแกร่งมีคุณค่า ต้องใช้ความอดทน
ใช้เวลา โดยเฉพาะการสร้างคนหนึ่งคนให้เก่ง ยิ่งต้องใช้ความอดทน
และใช้เวลามาก ทั้วตัวผู้สร้างและตัวผู้ถูกสร้าง เพราะนั่นหมายถึง
การสร้างให้คนคนนั้นเพียบพร้อมทั้งความรู้
ความสามารถ และประสบการณ์.

๘๑. ทำคุณให้ผู้อื่นต้องลืม...ผู้อื่นทำคุณให้ต้องจำ
หากเราเคยทำประโยชน์หรือช่วยใครไว้
อย่าจดจำหรือคาดหวังการตอบแทน เพราะอาจไม่ได้ดังที่หวัง
หรือเผลอไปทวงบุญคุณให้เขาเสียความรู้สึก
แต่ถ้ามีใครช่วยเหลือเราต้องจดจำให้แม่น
เพื่อหาโอกาสตอบแทนบุญคุณ.

๘๒. คนที่ชอบโยนความผิดใช้ผู้อื่น เป็นคนที่ยากจะพัฒนาให้ดีได้
คนบางคนไม่ยอมรับความผิดของตน ชอบหาแพะรับบาป
หมกมุ่นกับการหาวิธีโยนความผิดให้ผู้อื่น
แทนที่จะใช้เวลาในการพัฒนางานของตน
คนประเภทนี้ยากที่จะพัฒนาได้.

๘๓. อยากเจริญก้าว หน้า ต้องทำตัวเหมือนคนกำลังขึ้นภูเขา
คนเดินขึ้นภูเขา จะต้องโน้นตัวไปข้างหน้าเสมอ
เปรียบเสมือนคนอ่อนน้อมถ่อมตน ซึ่งจะมีแต่คนรัก
แต่คนที่เดินลงจากภูเขาจะเอนตัวไปข้างหลัง
เปรียบเสมือนคนเย่อหยิ่งจองหอง ซึ่งไม่มีใครชอบ
ดังนั้น ถ้าต้องการให้มีคนรัก และช่วยสนับสนุนให้เจริญก้าวหน้า
ควรประพฤติตนเสมือนคนกำลังเดินขึ้นภูเขา.

๘๔. ผลักน้ำออกไป...น้ำไหลเข้ามา
วักน้ำเข้ามา......น้ำไหลออกไป
คนที่เป็นผู้ให้ มักได้รับสิ่งตอบแทนเสมอ
อย่างน้อยก็ต้องได้รับความรัก และความชื่นชมจากผู้อื่น
เปรียบเสมือนผลักน้ำออกไปจากตัว น้ำก็ยิ่งไหลเข้ามา
แต่คนที่มีแต่ความโลภอยากได้จากคนอื่น กลับต้องเป็นผู้สูญเสีย
ไม่ได้รับแม้แต่ความรักและศรัทธา
เปรียบเสมือนคนที่พยายามวักน้ำเข้าหาตัว น้ำก็ยิ่งไหลออกไป.

๘๕. มีคู่แข่ง ได้...แต่ต้องไม่มีคู่แค้น
การทำธุระกิจก็เหมือนการเล่นกีฬา ต้องมีคู่แข่ง มีผู้แพ้ผู้ชนะ
แต่ต้องไม่มีคู่แค้น เพราะการมีทำให้ธุระกิจนั้นมัวหมอง
ไม่สดใส ไม่มีอนาคต.

๘๖. เกิดเป็นคน...เงยหน้าต้องไม่อายฟ้า...ก้มหน้าต้องไม่อายดิน
คนเราเกิดมาอย่ามุ่งแต่หาผลประโยชน์ใส่ตนจนกลายเป็น
คนเอาเปรียบสังคม หรือเบียดเบียนธรรมชาติแวดล้อม.

๘๗. คบคนดี...ไม่ สร้างศัตรู
การคบคนดีก็เหมือนกับการคบบัณฑิตพาไปหาผล
การยอมกันสักนิดเพื่อไม่ต้องเป็นศัตรูกันจะดี
เพราะการมีศัตรูเป็นหนทางสู่ความหายนะ.

๘๗ ปรัชญาการทำงานและการดำเนินชีวิตของ ดร.เทียม โชควัฒนา (II)



๓๑. เข็มเล่มหนึ่งไม่มีปลายแหลมสองด้าน
ทุกคนมีจุดเด่นและจุดด้อย คนเราจึงไม่มีใครเก่งทุกอย่าง
เปรียบเสมือนเข็มที่มีปลายแหลมสำหรับ เย็บ ปะ ชุน ได้เพียงด้านเดียว
ฉะนั้นคนเราควรรู้และทบทวนจุดเด่น และจุดด้อยของตนอยู่เสมอ.

๓๒. หนังฉายซ้ำไม่ตื่นเต้น ตลกมุขเก่าไม่มีคนฮา
งานทุกงานควรต้องได้รับการปรับปรุงและพัฒนาให้ดีขึ้น
และสอดคล้องกับวันเวลาที่เปลี่ยนไปเสมอ.

๓๓. ผู้เป็นพนักงานขายที่ดี ใช่ว่าจะเป็นซุปเปอร์ที่ดีได้เสมอไป
ผู้ที่มีความสามารถสูงในงานอย่างหนึ่ง ใช่ว่าจะทำงานอีกอย่างหนึ่ง
ได้ดีเสมอไป ดังนั้น ผู้จะเป็นหัวหน้าที่ดีได้นอกจาก
จะต้องทำงานเก่งแล้ว ต้องเข้าใจวิธีสอนและปกครองคนด้วย.

๓๔. หมั่นเล่าสร้างความจำ หมั่นซักถามเพื่อสร้างความรู้
เมื่อได้เรียนรู้สิ่งใดแล้วหมั่นถ่ายทอดให้ผู้อื่นรับรู้ ด้วย
จะช่วยให้เราจำได้ดีขึ้น และเมื่อไม่รู้สิ่งใดก็อย่าอายที่จะถาม
เพราะจะช่วยให้เรารู้มากขึ้น ในขณะที่คนดอ้อวดว่ารู้หมดแล้ว
แท้จริงคือคนที่ไม่รู้อะไรเลย

๓๕. มอง ฟัง คิด ถาม คือพื้นฐานของการเรียนรู้
พื้นฐานที่ดีของการเรียนรู้ต้องอาศัยทั้งการมอง ฟัง คิด ถาม ประกอบกัน
อย่าเพียงแต่มอง ฟัง หรือถามแล้วนำมาใช้โดยไม่มีการคิดไตร่ตรอง
หาเหตุผลเสืยก่อน.

๓๖. ความเป็นเพื่อนเป็นสิ่งดีงาม ที่มนุษย์จะพึงปฎิบัติต่อกัน
คนเราจะมีความสุขในชีวิต หากรู้จักมอบความเป็นเพื่อนให้แก่คนรอบข้าง
และรู้จักช่วยเหลือเกื้อกูลกันอย่างจริงใจโดยไม่หวันสิ่งตอบแทน.

๓๗. เป็นคนต้องรู้จักตัวเอง
การหมั่นสำรวจตัวเอง ย่อมทำให้คนเรารู้จุดอ่อนจุดแข็งของตัวเอง
สามารถแก้ไขข้อบกพร่องและพัฒนาตนเองได้ถูกต้องเสมอ.

๓๘. พลังกายในวัยหนุ่มมีเหลือเฟือ ควรใช้ให้คุ้มค่า
เกิดเป็นคนต้องใช้ชีวิตให้คุ้มค่าต่อตัวเอง ต่อผู้อื่น และต่อสังคม
อย่าให้มีช่วงเวลาใดที่ต้องรู้สึกเสียดาย ที่ให้เวลาผ่านไป
อย่างไร้ประโยชน์.

ยาสีฟันสมุนไพรพฤกษาเฮิร์บ


๓๙. การแข่งขันบังคับให้ต้องใช้สมอง
การแข่งขันคือ การทำให้คนเราต้องคิดและตื่นตัวเสมอ
ทำให้เกิดการพัฒนาความสามารถตลอดเวลา.

๔๐. อารมณ์ชั่ววูบ... อาจทำลายมิตรภาพที่ยืนยาวได้
การแก้ปัญหาโดยขาดสติ หรือใช้อารมณ์ก่อให้เกิดความรู้สึกไม่ดี
ระหว่างกัน และอาจลุกลามไปสู่ความบาดหมางกันได้.

๔๑. การพูดจาอ่อนน้อมถ่อมตน ทำให้คนยอมรับ
การรู้จักอ่อนน้อมถ่อมตนช่วยให้เราครองใจผู้อื่นได้

๔๒. ความคิดสร้างสรรค์ คือ...พื้นฐานสำคัญของผู้ประกอบการค้า
ในการทำธุระกิจ ต้องพัฒนาความคิดสร้างสรรค์อยู่เสมอ
เพราะการผูกติดกับความคิดเก่าๆ ในขณะที่เวลาเปลี่ยนไปนั้น
เป็นการปิดกั้นความเจริญก้าวหน้าของธุระกิจ.

๔๓. อย่าหลงเชื่อคำกล่าวของผู้อื่นโดยขาดสติ และความรอบคอบ
ก่อนที่จะเชื่อหรือคล้อยตามคำพูดใดๆ ของผู้อื่น
ต้องใช้สติไตร่ตรองด้วยเหตุและผลอย่างรอบคอบเสียก่อน.

๔๔. เป็นคนต้องรักตัวเองในทางที่ถูก
คนที่รักตัวเองอย่างแท้จริง คือคนที่สร้างคุณค่าให้ตนเองอย่างสม่ำเสมอ
ด้วยการหมั่นศึกษาพัฒนาตนเอง ดำรงค์ชีวิตอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี
มีเพื่อนที่ดี และหลีกหนีให้ไกลจากอบายมุข.

๔๕. หากอยากมีอนาคตที่มั่นคง...จงอย่าเห็นแก่ตัว
คนดีย่อมไม่เห็นแก่ตัว ชอบช่วยเหลือผู้อื่นโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน
คนเช่นนี้สมควรได้รับการสนับสนุนให้ได้ดีมีอนาคต.

๔๖. การศึกษาข้อบกพร่องของตน ทำให้เรารู้จักตนเองและผู้อื่นดีฃึ้น
คนเรามีข้อบกพร่องในตัวเองทุกคนไม่มากก็น้อย
ฉะนั้น ให้เรารู้จักพิจารณาข้อบกพร่องของตนเองด้วยปัญญา
จะทำให้เกิดการปรับปรุงและพัฒนาตนเอง และช่วยเหลือให้ผู้อื่น
ที่เขาอาจมีข้อบกพร่องเช่นเดียวกับเรา.

๔๗. ไม่มีใครเก่งแต่เพียงผู้เดียว
ทุกคนภายในองค์กรเปรียบเสมือนเฟืองจักรกลแต่ละชิ้น
ในเครื่องจักรใหญ่ที่ต้องทำงานประสานกัน ถ้าเฟืองชิ้นใดชำรุด
หรือบกพร่อง เครื่องจักรก็ไม่สามารถทำงานได้ นั่นคือ งานใดๆ
จะสำเร็จด้วยดีต้องอาศัยความสามารถและการประสานงานของทุกคน
ในทีมงาน มิใช่สำเร็จได้ด้วยคนเพียงคนเดียว.

๔๘. ผู้มีความคิดวิจารณญาณ จะก้าวทีละขั้นอย่างมั่นคง
การขยายแนวธุระกิจอย่างมั่นคง ต้องอาศัยการพิจารณาอย่างรอบคอบ
ถึงหลังการและกระบวนการผปรับปรุงระบบการทำงานอย่างเป็นขั้นเป็นตอน.

๔๙. อย่าเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวจนขาดมนุษยธรรม
คนที่ทำธุระกิจแบบไร้คุณธรรมเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว
ย่อมจะหาความสุขใจและความเจริญในชีวิตได้ยาก.

๕๐. แม้จะลำบากเพียงใดก็ย่อมฟื้นคืนเป็นดีได้
จงคิดเสมอว่า คนเรานั้นแม้จะประสบความล้มเหลว
ก็ย่อมสามารถปรับปรุงให้กลับคืนดีได้
หากไม่ท้อแท้ต่อโชคชะตา และคิดเสมอว่า
เมื่อล้มแล้วก็สามารถลุกขึ้นยืนได้อยู่เสมอ.

๕๑. สร้างคนต้องใช้เวลา...
การสร้างคนเหมือนปลูกต้นไม้ใหญ่ ต้องอดทนและใช้เวลานาน
ไม่เหมือนการปลูกถั่วงอก ซึางวันเดียวก็เห็นผล.

๕๒. เมื่อจะแหงนมองฟ้า...ก็อย่าลืมว่าเท้าตัวเองสัมผัสดินอยู่
คนเราต้องเตือนตนไม่ให้ลืมตัว อย่าทะนงว่าตนนั้นเลิศเลอไปกว่าคนอื่น
จงคิดเสมอว่าในโลกนี้มีคนที่ดีกว่าเราอีกมาก.

๕๓. จะให้ลูกน้องกล้าตัดสินใจ...ผู้ใหญ่ต้องรับผิดชอบความเสี่ยง
เมื่อเห็นว่าลูกน้องสามารถทำงานได้ ต้องมอบให้เขาทำ
ถ้าเขาทำผิดพลาด เราก็ต้องช่วยรับผิดชอบด้วย.

๕๔. ปลูกต้นไม้ใหญ่...อย่าเก็บผลไว้กินแต่เพียงผู้เดียว
การทำงาน เมื่อประสบความสำเร็จแล้วควรแบ่งปันผลประโยชน์
ให้ผู้อื่นและส่วนรวมด้วย.

๕๕. ความรักเป็นความสุขเหนือทรัพย์สินเงินทอง
คนที่มีความรัก มีจิตใจดี และมองโลกในแง่ดี
จะมีความสุขยิ่งกว่าสิ่งใด.

๕๖. มองกระจกที่มีปรอท...จะไม่เห็นอะไรอื่นนอกจากตัวเอง
คำว่า "ปรอท" ภาษาจีนใช้คำว่า "สุ่ยหยิน" หมายถึง เงินเหลว
คนจีนเปรียบคนที่เห็นแก่ตัว ไม่เห็นใจคนอื่น คิดถึงแต่ตนเอง
เหมือนคนที่มองแต่กระจกฉาบปรอท ซึ่งไม่มีวันที่จะเห็นสิ่งอื่น
นอกจากตนเองเท่านั้น.

๕๗. การล่าช้ามิได้หมายความว่าเป็นผู้ล้าหลัง
อย่ารีบร้อนเพราะกลัวว่าจะล้าหลังคู่แข่ง
ควรพิจารณาด้วยความรอบคอบ...จะได้ไม่ผิดพลาด.

๕๘. ชนะใจมิตรและศัตรูได้...คือผู้ชนะที่แท้จริง
ชนะสิ่งใดก็ไม่มีความหมายเท่าชนะใจ ทั้งมิตรและศัตรู.

๕๙. กินข้าวอย่างมังกร...ทำงานอย่างเสือ
คนจีนมองมังกรเป็นสัตว์ที่สง่างาม ฉะนั้นถ้าจะ
ทำอะไรรวดเร็วก็ต้องเร็วแบบสง่างาม
ส่วนเสือนั้นคนจีนมองว่าปราดเปรียวในการล่าเหยื่อ
และไม่กินลูกตัวเอง หมายถึงให้ทำงานอย่างคล่องตัว
ทำงานเป็นทีมและไม่รังแกพวกเดียวกัน.

๖๐. ตักน้ำเต็มได้แค่ภาชนะบรรจุเท่านั้น
ในการดำเนินธุระกิจ ถ้ารู้จักการเสียสละแบ่งปันผลประโยชน์ให้ผู้อื่น
หรือสังคม รวมทั้งจ่ายภาษีให้รัฐได้พัฒนาประเทศอย่างเต็มที่
ธุระกิจก็จะเจริญรุ่งเรืองขยายกิจการใหญ่ขึ้นได้
อุปมาเหมือนภาชนะที่มีน้ำเต็มแล้ว ตักน้ำออกไปทำประโยชน์ที่อื่นบ้าง
ก็จะมีโอกาศจะตักน้ำเติมเข้ามาได้อีกและมากขึ้นเรื่อยๆ
จนในที่สุดก็มีโอกาศที่จะเพิ่มจำนวนภาชนะ
หรือขยายขนาดภาชนะให้ใหญ่ขึ้นได้.

อ่านต่อหน้า 3

๘๗ ปรัชญาการทำงานและการดำเนินชีวิตของ ดร.เทียม โชควัฒนา



๑. รู้น้อยไม่เกี่ยงงาน
คนเราหากมีความรู้น้อยต้องไม่ท้อถอยหรือเลือกงาน
เพราะการทำงานคือหนทางเพิ่มความรู้และประสบการณ์.

๒. เที่ยงธรรมและเยือกเย็น
ผู้บริหารที่ดีต้องปกครองคนด้วยความเที่ยงธรรม
และสุขุมเยือกเย็นเป็นสำคัญ.

๓. ขยัน อดทน รักษาเครดิต คบคนดี
อย่าเอาเปรียบใคร และไม่สร้างศัตรู
คนที่จะประสบความสำเร็จในชีวิต ต้องมีความขยัน อดทน
ประพฤติตนน่าเชื่อถือ รู้จักคบคนดีเพราะคนดีย่อมนำพาไปสู่สิ่งดีๆ
และที่สำคัญไม่ควรเอาเปรียบหรือเป็นศัตรูกับผู้อื่น.

๔. เป็นร่มเงาให้ประโยชน์สุข
ต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงาและอุดมด้วยดอกผล
อันเอื้อประโยชน์แก้ผู้ปลูกทำนุบำรุง และคนทั่วไปฉันใด
องค์กรที่เจริญเติบโตมั่นคงย่อมควรจะเอื้อประโยชน์และเกื้อกูล
แก่บุคลากรและสังคมฉันนั้น.

๕. รักตนเอง รักครอบครัว รักบริษัท
บุคคลใดดำเนินชีวิตด้วยพื้นฐานจากพลังแห่งความรักในตนเอง
ครอบครัว และองค์กรเป็นสำคัญ บุคคลนั้นย่อมประสบ
ความสำเร็จที่ยั่งยืนทั้งในชีวิตส่วนตัวและชีวิตการทำงาน.

ยาสีฟันสมุนไพรพฤกษาเฮิร์บ


๖. ความรู้เหมือนดาบยิ่งใช้ยิ่งคม
ผู้ใดมีความรู้และนำเอาความรู้ของตนมาใช้และถ่ายทอดให้ผู้ อื่น
ผู้นั้นจะยิ่งเกิดความชำนาญ และเป็นการเพิ่มคุณค่าแห่งความรู้นั้นด้วย
เปรียบเสมือนดาบที่ถูกนำมาใช้ประโยชน์ และได้รับการเอาใจใส่ดูแล
ให้คมไว้ซึ่งความคม...ตลอดเวลา.

๗. เรียนรู้สิ่งใดเรียนรู้จากคน
เรื่องราวทุกอย่างคนเป็นผู้สร้างขึ้น
ดังนั้น ถ้าต้องการเรียนรู้สิ่งใดให้เรียนรู้จากคน
ซึ่งล้วนเป็นขุมทรัพย์แห่งความรู้และประสบการณ์.

๘. การใช้โทสะ มีแต่สร้างความรุนแรง
การใช้โทสะเข้าตัดสินปัญหา ไม่เกิดผลดีกับใครเลย
มีแต่สร้างความรุนแรงเพิ่มขึ้น

๙. ไม่แล่เนื้อ เถือหนังพวกพ้อง
อดอยากแค่ไหน จงทำตัวเป็นเสือ
ไม่แล่เนื้อเถือหนังพวกเดียวกัน
แต่ต้องพยายามเป็นผู้ช่วยเหลือผองเพื่อนจะดีกว่า.

๑๐. ทบทวนอดีต ศึกษาปัจจุบัน เพื่อวางอนาคต
การทบทวนประสบการณ์จากอดีตทั้งของตนเองและผู้อื่น
และการศึกษาเรื่องราวจากคนอื่นและสิ่งรอบข้างในปัจจุบัน
เป็นแนวทางให้เราวางอนาคตได้ถูกต้องแม่นยำยิ่งขึ้น

๑๑. มากคน มากวาสนา
คนเราทุกคนล้วนมีวาสนาบารมี ถ้าทุกคน
เอาวาสนาบารมีมารวมกัน บริษัทก็จะเจริญก้าวหน้า.

๑๒. อย่าปล่อยชีวิตให้หมดไปอย่างไร้ค่า
คนเราถ้าเข้าใจการจากไปอย่างไม่ย้อนกลับของเวลา
ย่อมใช้ชีวิตในแต่ละช่วงอย่างมีค่า.

๑๓. เร็ว ช้า หนัก เบา
ในการงาน ควรหมั่นพิจารณาอยู่เสมอว่า งานไหนทำก่อน
งานไหนทำทีหลัง งานไหนต้องจริงจัง และงานไหนที่พอควร.

๑๔. ความสำเร็จย่อมเป็นของผู้มีความเพียร
อยากประสบความสำเร็จในชีวิตการงาน ต้องพาตัวเข้าหางาน
อย่าคอยให้งานมาหาตัว เพราะงานคือทุกอย่างของชีวิต
ที่เราต้องพากเพียรและพยายามทำตลอดไป.

๑๕. ไม่มีอะไรเกินความพากเพียรของมนุษย์
คนเราถ้าไม่นิ่งนอนใจ แต่เพียรพยายามใช้สติปัญญาต่อสู้อย่าง
เต็มกำลังแล้ว ในที่สุดเราก็จะเป็นผู้มีชัยชนะ.

๑๖. ความสำเร็จของงาน อยู่ที่คุณภาพของคน
หัวใจในการทำงานให้สำเร็จ มิใช่อยู่ที่การสร้างคนให้มีความ
เชี่ยวชาญในการทำงานเท่านั้น แต่ต้องรวมถึงการสร้างเสริมให้
ทุกคนอยู่รวมกันด้วยความรัก และสามัคคีด้วย.

๑๗. แค่หยุดอยู่กับที่ ก็กลายเป็นผู้ล้าหลัง
นักธุรกิจต้องเป็นคนไม่หยุดนิ่งเพียงวันนี้
แต่ต้องมีการปรับเปลี่ยนให้ทันสมัย
ทันโลก พร้อมที่จะก้าวสู่วันพรุ่งนี้ได้เสมอ.

๑๘. ชมเกินจริงเป็นโทษ ดีเกินเหตุเสียน้ำใจ
การชมเชย อย่าให้เขาเกิดความหลงระเริง
จนอาจลืมตัวกับความสำเร็จ ก่อให้เกิดความประมาท
ที่อาจนำไปสู่ความล้มเหลวในอนาคตได้
การติ ต้องทำด้วยจิตใจที่หวังดีและใช้คำพูดที่สร้างสรรค์.

๑๙. ผู้ที่ยิ้มแย้มแจ่มใส มักเป็นที่รักใคร่ของคนทั่วไป
ความเป็นคนมีอารมณ์ดี ยิ้มแย้มมีชีวิตชีวานั้น
เป็นเสน่ห์ของมนุษย์อย่างแท้จริง.

๒๐. ทำดีเปรียบการเดินทางทวนกระแสน้ำ
ทำชั่วเปรียบการลอยตามน้ำ
การทำความดีเปรียบเหมือนปลาว่ายทวนน้ำขึ้นไปที่สูง
จะพบแต่น้ำที่ใสสะอาดฉันใด คนที่พยายามทำความดี
แม้จะลำบากยากเย็น ก็ย่อมพบชีวิตที่ดี
สะอาดสดใสอันเป็นมงคลแก่ตนเองฉันนั้น.

๒๑. มนุษย์สัมพันธ์ คือพื้นฐานของความสำเร็จ
องค์กรจะเจริญรุ่งเรืองได้
บุคคลในองค์กรต้องมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี
มีความสุภาพอ่อนโยน
รู้จักข่มอารมณ์และให้อภัยซึ่งกันและกันเสมอ.

๒๒. ความก้าวหน้าที่แท้จริง
ย่อมเกิดจากฝีมือการทำงาน
ความก้าวหน้าที่ได้มาจากความสามารถในการทำงาน
จะให้ผลที่จีรังยั่งยืน.

๒๓. งานสำเร็จได้ดีเพราะทีมงานดี
การประสานพลังใจและพลังความคิดของทีมงานที่ดี
นำมาซึ่งความสำเร็จของงาน.

๒๔. อดทนและอดกลั้น นำไปสู่ความสำเร็จ
คนที่อดทนต่อปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ได้ดีกว่าคนอื่น
จะเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิต.

๒๕. อยากขยายใหญ่ ใจต้องกว้าง
ในการถ่ายทอดความรู้ให้ลูกน้อง
การขยายกิจการให้ใหญ่โตต้องอาศัยพลังความสามารถ
ความรู้และความคิดจากทุกคน
ฉะนั้น หัวหน้างานต้องใจกว้าง
หมั่นสอนและฝึกฝนความชำนาญให้ลูกน้องเสมอ.

๒๖. คนคือทรัพยากรที่มีค่าที่สุดในโลก
คนเป็นทรัพยากรอย่างหนึ่งของโลก
แต่คนจะมีคุณค่ายิ่ง หากรู้จักประพฤติตน
ให้เป็นประโยชน์ต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม.

๒๗. ความรู้ต้องมองสูง ความเป็นอยู่ต้องมองต่ำ
ความรู้เปรียบเหมือนขุมทรัพย์ คนที่อยากก้าวหน้าต้องใฝ่รู้
เรียนรู้ให้มากขึ้นอยู่เสมอ แต่ความเป็นอยู่นั้นต้องเรียบง่าย ไม่ฟุ้งเฟ้อ.

๒๘. ความรักและความเข้าใจกัน
เป็นความสุขอย่างยิ่งของผู้มีภูมิปัญญา
คนที่มีภูมิปัญญา จะมีความสุขอย่างแท้จริง
หากรู้จักทำงานร่วมกับผู้อื่นด้วยความรักและความเข้าใจที่ดีต่อกัน.

๒๙. ศึกษาคนเพื่อมอบงานให้เหมาะกับความสามารถ
หัวหน้างานที่ดีต้องเป็นคนช่างสังเกตและใกล้ชิดลูกน้อง
สามารถวิเคราะห์ได้ว่า งานใดเหมาะสมกับความสามารถของลูกน้องคนใด
เพื่อมอบหมายงานให้ตรงกับความสามารถของเขา.

๓๐. ความประมาท ความหลงตัวเอง อาจนำไปสู่ความพินาศ
การกระทำสิ่งใดโดยขาดความระมัดระวัง
และคิดว่าตนเองเก่งเหนือผู้อื่นเสมอ อาจนำมาซึ่งความล้มเหลว
แต่หากกระทำสิ่งใดด้วยความรอบคอบและอ่อนน้อม
ย่อมนำไปสู่ความสำเร็จ

อ่านต่อหน้า 2

118 คำปราชญ์ (อมตะวาจา)



1. แมวจะสีดำหรือขาวไม่สำคัญตราบใดที่มันจับหนูได้
2. บัตรเครดิตทำให้การซื้อง่ายแต่การจ่ายยาก
3. ผู้ที่จำอดีตไม่ได้จะต้องทำผิดซ้ำอีก
4. ผู้นำที่ดีต้องทำตามความต้องการของประชาชน
5. ความสุภาพไม่ต้องลงทุนแต่ให้กำไรมหาศาล
6. ถ้าอยากได้ศรีภรรยาแท้ให้แต่งกับผู้ที่เคยเป็นลูกสาวที่ดี
7. ผู้คนจะลืมคนทำงานเร็ว แต่จะจำคนทำงานดี
8. ไม่มีอะไรแสดงอำนาจได้ดีเท่าความเงียบ
9. อาจไม่มีใครจำความสุภาพเล็กน้อยได้ แต่เขาจะจำความหยาบคายได้ไม่ลืม
10. ใครที่บอกว่าท่านทำไม่ได้ คน ๆ นั้นอาจผิดก็ได้
11. ถ้าแรงน้อยอย่ารับภาระหนัก ถ้าคำพูดไร้ค่าอย่าเที่ยวแนะนำผู้อื่น
12. อย่าเอาแต่นอน นอกจากคุณจะหาเงินบนเตียงได้
13. ทรายเม็ดเล็กถ้ามากพอย่อมจมเรือใหญ่ได้
14. คนที่รักตนเองมากเกินไป จะไม่เหลือให้ใครอื่นรักตนได้อีก
15. ความเมตตาให้ผลมากกว่าความยุติธรรมที่เคร่งครัด
16. วีรบุรุษไม่ได้กล้าเกินคนธรรมดา เขาอาจกล้านานกว่าเพียงแค่ห้านาทีเท่านั้น
17. คำพูดดี ๆ เพียงคำเดียวลดความร้อนได้มากกว่าน้ำแข็งทั้งกระติก
18. ความอดทนมีรสขม แต่ผลนั้นหวานยิ่งนัก
19. ไม่มีอัจฉริยะผู้ยิ่งใหญ่คนไหน ที่ไม่มีความบ้าผสมอยู่
20. แม้รังจะเล็กนิดเดียว แต่นกก็รักมันมากที่สุด
21. การฟังทำให้ฉลาด การพูดอาจทำให้เกิดทุกข์
22. ยอมรับเสียงปรบมือแต่อย่าเชื่อให้มากนัก
23. ถ้าต้องอยู่ในน้ำแล้วไซร้ให้ผูกมิตรกับจระเข้ไว้
24. อย่ากลัวที่จะเลิกสิ่งที่ดี เมื่อมุ่งสู่สิ่งที่ดีกว่า
25. เผชิญกับอันตรายครั้งเดียว ดีกว่าต้องกลัวอย่างไม่สิ้นสุด
26. อย่าครอบครองธุรกิจที่ท่านบริหารไม่เป็น
27. อย่าทำตัวฉลาดหรือรู้มากกว่าผู้ที่อยู่ด้วยกัน
28. ถ้าอยากให้ฝันเป็นจริงแล้วล่ะก็อย่ามัวแต่นอนหลับ
29. ทำให้สำเร็จเสียแต่วันนี้อย่าเชื่ออนาคตให้มากนัก
30. อย่ามัวแต่พูดถึงเรื่องตัวเองถามผู้อื่นในเรื่องของเขาบ้าง
31. มีดที่แหลมคมตัดได้เร็วลึกและเจ็บน้อย
32. ถ้าไม่เก่งขอให้รอบคอบเข้าไว้
33. คนรวยรวยขึ้นเพราะทำตัวจน คนจนจนลงเพราะทำตัวรวย
34. อย่าสู้รบปรบมือกับคนแข็งแรงหรือค้าความกับคนรวย
35. ไก่เป็นสัตว์ที่กินได้ทั้งก่อนเกิดและหลังตาย
36. เลื่อนตัวเองขึ้นแต่อย่าลดคนอื่นลง
37. ก่อนบอกใครว่าท่านดีขนาดไหนให้บอกด้วยว่าท่านเคยเลวขนาดไหน
38. อัจฉริยภาพยังมีขอบเขตแต่ความซื่อบื้อไม่มี
39. การตั้งเป้าอย่างเดียวไม่พอจะต้องยิงให้ถูกด้วย
40. คนโสดเท่านั้นที่เป็นผู้โชคดีในเรื่องความรัก
41. ดนตรีเป็นภาษาเดียวที่ถากถางหรือหยาบคายไม่ได้
42. การพ่ายแพ้บางครั้งยิ่งใหญ่กว่าชัยชนะเสียอีก
43. สิ่งที่เราคาดคิดมักไม่เกิดสิ่งที่เราไม่คาดคิดมักเกิดขึ้นเสมอ
44. คนมองโลกในแง่ดีหัวเราะให้ลืม คนมองโลกในแง่ร้ายลืมที่จะหัวเราะ
45. เจ็บป่วยยังดีกว่าอยู่อย่างเรื่อยเฉื่อย
46. การกระทำของปีที่แล้วก็เหมือนปฎิทินของปีที่แล้ว
47. จงพยายามดำเนินชีวิตให้แม้กระทั้งเมื่อตายสัปเหรอยังเสียใจ
48. ผู้กล้าหาญกลุ่มน้อยมีพลังมากกว่า คนขี้ขลาดกลุ่มใหญ่
49. ความภูมิใจยิ่งใหญ่ของเราไม่ได้อยู่ที่เราไม่เคยล้ม แต่อยู่ที่สามารถลุกขึ้นได้ทุกครั้งที่เราล้มลง
50. ผู้ที่เชื่อว่าเงินทำได้ทุกอย่าง ย่อมทำทุกอย่างเพื่อเงิน
51. หญิงสาวที่มีรูปโฉมย่อมได้เปรียบกว่ามีสมอง เพราะผู้ชายส่วนมากใช้สายตามากกว่าความคิด
52. ผู้ที่เกิดมารูปงามอาจเสียคนเพราะรูปลักษณ์ ผู้ที่เกิดมารวยอาจเสียคนเพราะทรัพย์สมบัติ ผู้ที่เกิดมาเป็นลูกคนเดียวอาจเสียคนเพราะพ่อแม่
53. เจ้าหนี้ย่อมมีความจำดีกว่าลูกหนี้
54. เวลาคือเครื่องมือธรรมชาติที่คอยป้องกันไม่ให้ทุกสิ่งเกิดขึ้นพร้อมกัน
55. คนและเวลาเปลี่ยนแต่หลักการไม่
56. คนที่เขาไม่รู้ตัวว่าเขาทำอะไรผิดมันน่าสงสารที่สุด
57. อมเริกามักเป็นผู้ประกาศค้นพบเทคโนโลยีใหม่ รัสเซียมักอ้างว่าได้ค้นพบเมื่อยี่สิบปีมาแล้ว ขณะเดียวกันญี่ปุ่นกำลังผลิตเพื่อส่งออก
58. ถ้าท่านฝันสิ่งใดได้ ท่านย่อมทำสิ่งนั้นได้
59. ผู้ที่มีข้อโต้แย้งอ่อนมักใช้เสียงที่ดังกว่า
60. ผู้ที่ยิ่งรู้น้อย ยิ่งอยากพูดมาก
61. ความเกียจคร้าน คือนิสัยที่จะพักผ่อนก่อนเหนื่อย
62. ทันทีที่ท่านเริ่มพูดว่าจะทำอะไรถ้าพ่ายแพ้ ท่านได้พ่ายแพ้แล้ว
63. โชคจะอยู่กับคนที่รู้จักใช้มันเสมอ
64. เศรษฐกิจดีหรือเลวเงินไม่เคยหายไปไหนเพียงแต่มันเปลี่ยนกระเป๋าอยู่เท่านั้น
65. ปรัชญาคือความสามารถที่จะอธิบายได้ว่า ทำไมถึงมีความสุขทั้ง ๆ ที่ไม่มีเงิน
66. จะเป็นคนรวยที่สุดในสุสานไปทำไมเพราะที่นั้นทำธุรกิจอะไรไม่ได้
67. เคลื่อนไปข้างหน้าและทำสิ่งที่เห็นว่าดีที่สุดถ้าทำผิดให้ถือเป็นบทเรียน แต่อย่าทำผิดซ้ำสองอีก
68. ผู้ที่อยากทำจะหาทางทำให้ได้ ผู้ที่ไม่อยากทำจะหาข้อแก้ตัวให้ได้
69. ใส่คำชมไว้ทั้งก่อนและหลังคำตำหนิติเตียน
70. คนจะเชิญชวนให้ท่านติ ทั้ง ๆ ที่โดยจริงแล้วเขาต้องการคำชม
71. การแข่งขันเป็นปัจจัยสำคัญของการตลาดแต่เป็นหายนะของผลกำไร
72. เราเชื่อในพระเจ้า คนอื่นๆ ขอให้จ่ายสด
73. เราน่าจะสับเปลี่ยนปัญหากันได้ เพราะเรามักจะแก้ไขปัญหาของผู้อื่นได้
74. การนินทาเป็นอาชญากรรมที่ยังไม่มีกฎหมายลงโทษ
75. ความรอบคอบเป็นผลิตผลอันดับแรกของความเฉลียวฉลาด
76. ประโยคที่ว่าไม่ได้โอ้อวดนะ มักจะตามด้วยการโอ้อวดเสมอ
77. ผู้นำจะต้องนำคนไปยังที่เขาไม่เคยไปมาก่อน
78. วิธีที่จะชนะการโต้เถียงคือการอยู่นอกการโต้เถียง
79. ความฝันของท่านเป็นความจริงของนักต่อสู้
80. ความผิดที่ใหญ่หลวงคือการกลัวจะทำผิด
81. ฯลฯ เป็นคำที่เขียนให้ผู้อื่นเข้าใจว่ารู้มากกว่าที่รู้จริง
82. อย่าทำให้ไม่มีใครแทนได้ มิฉะนั้นแล้วท่านจะไม่ได้เลื่อนตำแหน่ง
83. วิธีเดียวที่จะเป็นเพื่อนคุยที่ดี คือหัดเป็นนักฟังให้ได้
84. บางครั้งคำฉลาดถูกใช้ในทางขบขัน แต่คำโง่ถูกใช้ในทางจริงจัง
85. ความใจแคบและปากพล่อยมักไปด้วยกัน
86. การพูดเกิดตามธรรมชาติ การไม่พูดเกิดจากความเฉลียวฉลาด
87. ถ้าไม่เรียนรู้จากความผิดพลาดแล้วก็อย่าไปทำผิดอีก
88. เวลาท่านรู้คำตอบมักไม่มีใครตั้งคำถาม
89. ผลตอบแทนวิเศษที่สุด ในการพูดความจริงคือไม่ต้องจำในสิ่งที่พูดออกไป
90. เรามักจะพบผู้กล้าหาญในเรื่องเล็ก ๆ บ่อยกว่าเรื่องใหญ่ ๆ
91. จงเรียนรู้จากความผิดพลาดของผู้อื่น ท่านไม่มีชีวิตนานพอที่จะทำผิดพลาดหมดทุกอย่างหรอก
92. ไม่มีใครแก่เกินจะทำอะไรโง่ ๆ
93. ศิลปะของสงครามคือการเอาชนะศัตรูโดยไม่ต้องต่อสู้
94. ทูตที่แท้จริงจะสามารถเชือดคอเพื่อนบ้านโดยผู้ถูกเชือดไม่ได้สังเกต
95. เราเห็นว่ายุติธรรมต่อเมื่อเราได้รับการตัดสินให้เป็นฝ่ายถูก
96. คำแก้ตัวที่เราเคยใช้มักฟังไม่ขึ้นเมื่อผู้อื่นใช้บ้าง
97. คนที่ไม่ค่อยฉลาดถ้าปิดปากไว้จะหลอกคนได้อีกมาก
98. รอสัญญาณไฟเขียวดีกว่ารอรถพยาบาล
99. ท่านไม่ต้องอธิบายในสิ่งที่ไม่ได้พูด
100. เมื่อท่านร่ำรวยพอที่จะตื่นสาย จะทำให้ท่านตื่นแต่เช้าตรู่ทุกวัน
101. เคล็ดลับของธุรกิจคือการล่วงรู้ข้อมูลที่ผู้อื่นไม่รู้
102. เรายังรู้ไม่ถึงเศษหนึ่งส่วนล้านของหนึ่งเปอร์เซ็นต์ของสิ่งที่มีอยู่ในโลกนี้
103. เพื่อนที่มีอำนาจจะกลายเป็นเพื่อนในอดีต
104. มโนธรรมคือเสียงจากภายในที่คอยเตือนว่าอาจมีใครกำลังมองเราอยู่
105. อย่ามองหาสามีจงมองหาแต่ชายโสด (คำปราชญ์สอนหญิง)
106. ความจริงใจ ไม่ต้องการพยานหลักฐานใด ๆ
107. อย่าใช้คำใหญ่คำโตกับเรื่องเล็กนิดเดียว
108. ทุกคนชอบอำนาจถึงแม้จะใช้ไม่เป็น
109. การรักษาเสรีภาพคือ การรักผู้อื่น การรักอำนาจคือการรักตนเอง
110. ผู้ที่ทำผิดเมื่อเมา มักถูกลงโทษเมื่อสร่าง
111. อย่าใช้เงินที่ยังหาไม่ได้
112. ความท้าทาย คือการทำสิ่งที่ผู้อื่นบอกว่าท่านทำไม่ได้
113. เสื่อผ้าของสตรีควรกระชับพอที่จะแสดงความเป็นหญิงและหลวมพอที่จะแสดงความ เป็นสุภาพสตรี
(คำปราชญ์ สอนหญิง)
114. จงให้ผู้ที่รู้บุญคุณคนมากกว่าที่เขาขอ
115. ปลาตายเท่านั้นที่ลอยตามกระแสน้ำ
116. คนใหญ่บางคนทำให้ผู้อื่นรู้สึกตัวลีบเล็ก แต่คนใหญ่จริง คือผู้ที่ทำให้ผู้อื่นรู้สึกใหญ่ด้วย
117. ข้อมูลข่าวสารเป็นอาวุธสำคัญที่สุดบนโต๊ะเจรจา
118. โลกนี้เป็นของผู้มองโลกในแง่ดี ผู้มองโลกในแง่ร้ายเป็นได้แค่เพียงคนดู

ผู้หญิงกับปรัชญา



1.ออเซาะฉอเลาะ
  • ผู้หญิงส่วนใหญ่จะบอกความรู้สึกของเธอกับคนรักว่า " รักเธอมานานแล้ว " ตั้งแต่ยังไม่มีเพศสัมพันธ์
  • ยามเกิดปัญหาระหว่างกันขึ้นมา คำยกย่องนับถือผู้ชายที่ออกจากปากผู้หญิงจึงเชื่อถือได้
  • ถ้าผู้หญิงมีความรู้สึกที่ดีต่อผู้ชาย นัดครั้งแรกเธอกลับแสดงออกด้วยความสำรวม
  • ความรักที่แตกร้าว สมานได้ด้วยความสัมพันธ์ทางเนื้อหนังเท่านั้น
  • ถ้าผู้หญิงรักผู้ชายอย่างแท้จริง จะแสดงความชอบและความเห็นแก่ตัวออกมา
  • ผู้หญิงโทรศัพท์มาหาบ่อย แสดงว่าต้องการปิดบังเรื่องบางอย่าง
  • ผู้หญิงโดยทั่วไปจะไม่ปรึกษาเรื่องต่าง ๆ กับผู้ชายวัยเดียวกัน

คำคม
  • มิตรภาพระหว่างผู้หญิงด้วยกัน เป็นเพียงอุบายสำหรับรับมือกับผู้หญิงอีกคน
  • ผู้หญิงเป็นเทพธิดาตอนอายุ 10 ขวบ เป็นนักปราชญ์ตอนอายุ 15 ปี เป็นซาตานตอนอายุ 40 ปี และเป็นแม่มดตอนอายุ 80 ปี
  • ผู้ชายถ้ารู้ว่าผู้หญิงจัดการตัวเองอย่างไร จะไม่คิดแต่งงาน
  • ยามผู้หญิงบอกว่า " ไม่เอา " ก็คือปรารถนาความหฤหรรษ์
  • ผู้หญิงถึงคิดจะรักษาความลับ ก็อดไม่ได้ที่จะพูดออกไป.
  • ผู้หญิงใช้คำชมเป็นอาวุธสำหรับบงการผู้ชาย
  • การเล่นเล่ห์เหลี่ยมคือสันดานของผู้หญิง
  • อย่าเชื่อผู้ชายและผู้หญิงที่ชอบร้องไห้
  • ลิ้นพูดเรื่องที่แม้สมองก็หารู้ไม่
  • ผู้หญิงโกหกได้แม้ยามไม่เปิดปาก.


2. หน้าเนื้อใจเสือ
  • ผู้หญิงถ้าเกลียดชังหรือดูถูกเพื่อนชายจริง จะปฏิบัติต่อชายด้วยท่าทีเย็นชาอย่างยิ่ง
  • ถ้าผู้หญิงเกลียดผู้ชายที่สกปรกจริงจะไม่เหลียวแลเด็ดขาด
  • ผู้หญิงถ้าบูชาคุณพ่อ ส่วนใหญ่จะเรียกร้องให้เพื่อนชายไปพบคุณพ่อ
  • ยามปกติผู้หญิงถ้าพูดเร็วจะควบคุมตนเองไม่ได้
  • ผู้หญิงที่เกิดในครอบครัวฐานะดี จะอำพรางฐานะที่แท้จริง
  • ผู้หญิงที่ชอบเที่ยวอย่างแท้จริง จะพยายามแสดงตัวเป็นผู้หญิงบริสุทธิ์ไร้เดียงสา
  • ผู้หญิงที่เปลี่ยนท่าทีอย่างกระทันหัน เป็นเพียงการเสแสร้งเพื่อซ่อนเร้นความจริงบางอย่าง
  • ผู้หญิงถ้าต้องการห่างเพื่อนชาย จะแสดงท่าทางเป็นมิตร
  • ผู้หญิงหมดรักต่อเพื่อนชายแล้ว จะไม่แสดงอาการเกรี้ยวกราดแต่จะทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
  • ผู้หญิงแสดงอาการไม่พอใจ เพราะต้องการให้เพื่อนชายเอาใจเธอมากขึ้น
  • ผู้หญิงที่มีความรู้อย่างแท้จริง กลับจะนอบน้อมถ่อมตน
  • ถ้าผู้หญิงมีความรู้สึกที่ดีต่อคุณ ย่อมจะเปิดเผยเรื่องในอดีตให้คุณทราบ
  • ถ้าผู้หญิงลืมคนรักเก่าไม่ได้ จะพูดถึงจุดอ่อนข้อบกพร่องของเขาบ่อย ๆ
  • ผู้หญิงถ้าต้องการปฏิเสธคุณอย่างแท้จริง จะไม่พูดตามอารมณ์แต่จะให้เหตุผลอย่างชัดเจน
  • ผู้หญิงประพฤติตัวเป็นคนเลว ก็เพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกมีปมด้อย โดยแสดงออกดูถูกชายมากขึ้น
  • เมื่อถึงเวลาควรแยกทางกัน ท่าทีของผู้หญิงกลับจะตรงไปตรงมา
  • ถ้าผู้หญิงคิดแยกทางจะยกยอผู้ชายอย่างเยือกเย็นก่อนค่อยขอแยกทาง
  • การคัดค้านของผู้หญิง คือวิธีทดสอบดูว่าผู้ชายมีจิตใจทระนงของผู้ชายหรือไม่
  • ยามผู้หญิงขัดแย้งกับผู้ชาย จะหลั่งน้ำตาหรือแสดงพฤติกรรมรุนแรงประชดประชันตัวเอง.

คำ คม
  • คำว่า " เกลียด " ที่หลุดจากปากสาวน้อย ไม่ได้หมายความว่าเกลียดเสมอไป
  • การโกหกอย่างจริงจังเป็นเรื่องง่าย แต่การดัดจริตโกหกนั้นง่ายยิ่งกว่า
  • คำพูดของผู้หญิง ลื่นเหมือนหางปลาไหล จับอย่างไรก็ไม่อยู่
  • ผู้หญิงจะไม่เชื่อทุกคำพูดที่ได้ยิน แต่จะเล่าทุกคำพูดที่ได้ยิน
  • ผู้หญิงจะเคลิบเคลิ้มกับคำโกหกของตัวเอง.

3. ยกยอปอปั้น
  • ผู้หญิงถ้าไม่แคร์รูปโฉมของผู้ชายจริงจะไม่พูดเรื่องนี้
  • ผู้หญิงถ้าตัดสินใจอยู่กินกับผู้ชายชั่วชีวิต จะแสดงออกค่อนข้างอนุรักษ์นิยม.
  • ผู้หญิงถ้ารักผู้ชายที่อายุมากจริง จะพยายามไม่เพิ่มภาระด้านเงินทองแก่ฝ่ายชาย
  • ถ้าผู้หญิงไม่แคร์จุดอ่อนข้อด้อยของผู้ชาย จะพูดออกมาอย่างตรงไปตรงมา
  • ผู้หญิงถ้าปฏิบัติต่อผู้ชายอย่างจริงใจ จะไม่บีบบังคับให้อีกฝ่ายยอมรับ แต่จะทำความเข้าใจก่อนว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร
  • ผู้หญิงที่ประพฤติตัวไม่ค่อยเรียบร้อย จะแสดงออกคล้ายแม่ศรีเรือน
  • ภรรยาที่ให้การดูแลสามีอย่างไร้ที่ติ จะปรึกษาเรื่องสำคัญกับสามีด้วยเสมอ
  • ผู้หญิงที่เป็นแม่ศรีเรือนอย่างแท้จริง สามารถทำงานและดูแลครอบครัวพร้อมกันไป
  • ถ้าผู้หญิงชอบผู้ชายคนหนึ่งอย่างแท้จริง จะไม่แสดงออกทางคำพูดอย่างง่าย ๆ
  • ผู้หญิงถ้าเห็นใจผู้ชายที่ถูกวิจารณ์ จะช่วยแก้ต่างให้ลับ ๆ
  • ผู้หญิงถ้าสนุกกับงานจะแสดงออกซึ่งความคิดสร้างสรรค์ในงานนั้นด้วย
  • ผู้หญิงถ้ารักนวลสงวนตัวอย่างแท้จริง ถึงจะล้อเล่นกับผู้ชายอย่างไรก็จะรักษาปราการสุดท้ายไว้
  • ผู้หญิงที่เก็บกดความปรารถนา ส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิงร้อนแรง
  • ผู้หญิงจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคนหลังแต่งงานแล้ว
  • ผู้หญิงถ้าคิดทำงานต่อไปหลังแต่งงาน ส่วนใหญ่เป็นเพราะรายได้ของสามีไม่พอใช้
  • ผู้หญิงถ้ามีความรู้สึกที่ดีต่อผู้ชาย จะพยายามทำทุกวิถีทางให้ผู้ชายโทรศัพท์ไปหา

ความจริงเกี่ยวกับผู้หญิง

  • ผู้หญิงหลั่งน้ำตาง่ายกว่าผู้ชายและจะจดจำเรื่องที่ทำให้ตนต้องหลั่งน้ำตาได้นานกว่าผู้ชาย
  • ผู้หญิงแม้ยามปวดร้าวรันทด ในใจยังมีที่ว่างสำหรับความรักและการประจบเสมอ
  • ผู้หญิงที่ตกอยู่ในห้วงรักมักวิตกว่าฝ่ายชายจะไม่รักส่วนผู้หญิงที่สูญเสียความรักไปแล้วมักคิดเอาเองว่าฝ่ายชายยังรักเธออยู่
  • ผู้หญิงเป็นเพศที่สงสารตัวเองโดยกำเนิด
  • คุณยิ่งเย็นชากับผู้หญิง ผู้หญิงจะยิ่งชอบคุณ
  • ความคิดของผู้หญิงจะแสดงออกให้เห็น
  • เมื่อผู้หญิงยิ้มคุณได้แล้วครึ่งหนึ่ง

4. ขี้ใจน้อย

  • ผู้หญิงถ้ารู้ตัวว่าโง่มากและพยายามเก็บรับบทเรียน จะไม่รับความช่วยเหลือจากผู้ชายง่าย ๆ
  • ผู้หญิงเวลาปวดร้าวใจจะหลั่งน้ำตาอย่างแท้จริง และไม่แสดงต่อหน้าใคร
  • ผู้หญิงถ้าปฏิเสธความต้องการของผู้ชาย จะไม่เปิดโอกาสให้ฉกฉวยเด็ดขาด
  • ผู้หญิงถ้าปฏิเสธยามเข้าด้ายเข้าเข็ม ส่วนใหญ่เป็นการเสแสร้งเล่นมายา
  • ผู้หญิงถ้าถูกผู้ชายทอดทิ้งจริง จะให้เหตุผลว่าฉันกับเขามีเหตุผลต่างกัน
  • ผู้หญิงจะโจมตีฝ่ายอริด้วยเหตุผลทีฟังดูคล้ายชอบธรรม
  • ผู้หญิงจะไม่พูดถึงข้อด้อยข้อบกพร่องที่ตัวเองถือสาเด็ดขาด
  • ผู้หญิงถ้ารู้สึกว่าตัวเองแย่มาก กลับจะแสดงตัวร่าเริงเบิกบาน
  • ผู้หญิงเวลาไม่สบาย ส่วนใหญ่จะอารมณ์ไม่ดี
  • ผู้หญิงที่เรียกร้องความเสมอภาคอย่างแท้จริง จะไม่ทำงานหยาบลวกเด็ดขาด
  • ผู้หญิงที่ไม่ชอบงานสังคมอย่างแท้จริง จะเสนอเหตุผลที่ผู้ชายไม่สามารถโน้นน้าวใจได้
  • ผู้หญิงถ้าต้องการพูดความในใจ มักใช้วิธีระบายความรู้สึกและแสดงความเหงา
  • ผู้หญิงจะไม่บอกเพื่อนทั่วไปว่าความรู้สึกของฉันแย่มาก
  • ถ้าผู้หญิงต้องการยกเลิกการแต่งงานจริง จะพยายามโน้มน้าวจูงใจให้พ่อแม่เห็นด้วยก่อน
  • ถ้าผู้หญิงสำนึกผิดจริง เธอจะตั้งใจฟังอย่างอดทนก่อนขออภัย
  • ยามผู้หญิงรู้สึกว่าความสามารถของตัวเองด้อยกว่าชายคนรักจึงจะนอบน้อมถ่อมตัว
  • ผู้หญิงมักอ้างว่าตัวเองโชคไม่ดี เพื่อแสดงว่าตัวเองมีความสามารถไม่เลว
  • ผู้หญิงถ้าจะขออภัยอย่างจริงใจ มักพูดสั้น ๆ ไม่ยืดยาว

คำคม

  • ถ้าต้องการเข้าใจจุดอ่อนข้อบกพร่องของผู้หญิงขอเพียงชมเธอต่อหน้าผู้หญิงอีกคน
  • ผู้หญิงจะหลงใหลคนรักคนแรก และจะทะนุถนอมคนรักคนสุดท้าย
  • มิตรภาพสำหรับผู้หญิงนั้น ก็คือการยุติความสัมพันธ์แบบปรปักษ์ชั่วคราว
  • ผู้หญิงจะไม่เลือกความรักที่แบ่งปันกันเสพสมกับผู้ชาย แต่จะเลือกผู้ชายที่สามารถทุ่มเทความรักให้เธอทั้งหมด
  • ผู้หญิงหลังอายุ 30 ปีแล้ว จะลืมอายุตัวเองได้ง่ายที่สุด
  • ผู้หญิงคือแม่พระในโบสถ์ คือเทพธิดาบนท้องถนนและคือซาตานในบ้าน
  • มหาโจรใช้ชีวิตแลกทรัพย์สิน แต่ผู้หญิงต้องการทั้งสองอย่าง.

5. เขินอาย

  • การแสดงออกว่ารังเกียจเรื่องเซ็กส์ของผู้หญิงที่แท้คืออาการอยากรู้อยากเห็น
  • ผู้หญิงยามรู้สึกมีปมด้อยด้านเซ็กส์ กลับจะเที่ยวโพนทนาประสบการณ์ด้านนี้อย่างเปิดเผย
  • หากผู้หญิงต้องการปฏิเสธนัดของผู้ชายจริงจะปฏิเสธอย่างเด็ดขาดว่า " ฉันมีคู่ครองแล้ว "
  • ผู้หญิงพาเพื่อนมาด้วยในการนัดครั้งแรกก็เพื่อทำให้ความมุ่งหมายของชายสลายเป็นอากาศธาต
  • ผู้หญิงชอบพูดถึงเรื่องต่าง ๆ รอบตัวก็เพื่อรักษาความลับ
  • ผู้หญิงถึงเวลาที่ไม่มีเพื่อนรู้ใจ ก็จะพูดถึงเพื่อน ๆ ในอดีต
  • ผู้หญิงชอบสวมเสื้อผ้ายี่ห้อดัง เพื่อสนองความฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมของตน
  • กุลสตรีที่เกิดในครอบครัวที่มั่งคั่ง จะไม่สวมใส่เสื้อผ้าที่ผู้ชายเห็นปุ๊บก็รู้ว่าเป็นของยี่ห้อดัง
  • ผู้หญิงถ้ายอมรับว่าตัวเองพูดไม่เก่งจริงจะพยายามชดเชยจุดอ่อนด้านนี้ด้วยการพัฒนาด้านอื่น
  • ผู้หญิงขอร้องให้ผู้ชายรอคอยมักมีจุดมุ่งหมายบางอย่างแฝงเร้น
  • ผู้หญิงถ้ารักใครอย่างแท้จริงจะไม่สามารถปฏิเสธความต้องการทางเพศของเขา
  • ผู้หญิงแสดงความลำบากใจ เพราะต้องการให้ผู้ชายแสดงความรักอย่างกระตือรือร้นมากขึ้น

ปรัชญาแห่งความสำเร็จ




r_icon.jpg (718 bytes) ในที่สุดแล้วจะไม่มีอะไรที่สำคัญมากมายแต่อย่างใดเลย ความพ่ายแพ้
ซึ่งดูเหมือนว่าจะทำให้ท่านหัวใจแตกสลาย ในวันนี้จะเป็นได้ก็แต่เพียง
คลื่นลูกหนึ่งในมหาสมุทธแห่งประสบการณ์ภายภาคหน้าของท่านเท่านั้นเอง.

r_icon.jpg (718  bytes) จงชอบการยกย่องสรรเสริญแต่อย่าได้นับถือบูชามัน จงกลัวการตำหนิติเตียน
แต่อย่าได้ยอมเป็นทาสของมัน นี่คือภาพพจน์ของบุคลิกลักษณะอันมั่นคง.

r_icon.jpg (718  bytes) คนที่เพาะความคิดอันดีงามลงในจิตใจของคนอื่น ย่อมมีประโยชน์
แก่มนุษยชาติมากกว่าคนที่คอยจับผิดคนอื่นทั้งหมดรวมเข้าด้วยกัน.

r_icon.jpg (718  bytes) คนขี้เกียจจริง ๆ นั้นไม่มีหรอก มันเป็นเพียงแค่ว่าคนผู้นั้น
โชคไม่ดีที่ยังไม่ได้พบกับงานซึ่งเหมาะกับเขาอย่าง ที่สุดเท่านั้นเอง.

r_icon.jpg (718  bytes) เพื่อที่จะคิดได้อย่างจะแจ้ง คนเราจะต้องจัดเวลาสักช่วงหนึ่งเพื่ออยู่
อย่างโดดเดี่ยวสำหรับครุ่นคิดและสร้างจินตนาการโดยไม่มีสิ่งรบกวน.

r_icon.jpg (718  bytes) ความทะเยอทะยานยิ่งใหญ่กว่าความสำเร็จผล เนื่องจากมัน
ทำให้เราปีนป่ายขึ้นไปสู่เป้าหมายที่ยังไปไม่ถึงอยู่ตลอดเวลา.

r_icon.jpg (718  bytes) จงแสดงความยินดีต่อตัวท่านเอง หากท่านบรรลุถึงความเฉลียวฉลาดในขั้นที่
ท่านจะมองข้อบกพร่องของคนอื่น ๆ น้อยลง ในขณะที่มองข้อบกพร่องของ ท่านเอง
มากขึ้น เพราะนับแต่ขณะนั้นท่าน กำลังก้าวไปสู่วิถีแห่งความยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง.

r_icon.jpg (718  bytes) ความกระตือรือร้นคือลมหายใจของดวงวิญญาณ จงรักษาความกระตือรือร้น
เอาไว้ให้ได้เสมอไป แล้วท่านจะไม่มี วันสูญเสียอำนาจที่จะได้รับในสิ่งที่ท่าน
ปรารถนาอย่างแท้จริง.

r_icon.jpg (718  bytes) ศิลปะการเดินตลาดส่วนใหญ่แล้วประกอบขึ้นด้วยการ"รู้" และการ "แสดง"
คุณค่าที่แท้จริงของสินค้าหรือบริการที่ท่านกำลังพยายามที่จะขาย.

r_icon.jpg (718  bytes) จงจำเอาไว้ ความร่ำรวยที่แท้จริงของท่านสามารถวัดได้
มิได้จากสิ่งที่ท่านมีอยู่ หากแต่ " จากสิ่งที่ท่านเป็น " นั่นต่างหาก.

r_icon.jpg (718 bytes) เมื่อคนผู้หนึ่งขึ้นไปถึงยอดสุดของความสำเร็จอย่างแท้จริง เขาจะมิได้พบว่า
ตนเองโดดเดี่ยว เพราะว่าไม่มีใคร สามารถที่จะปีนป่ายสู่ความสำเร็จที่แท้จริง
ได้โดยปราศจากการนำคนอื่น ๆ ติดตามไปด้วย.

r_icon.jpg (718  bytes) บางคนอายุสั้นจากการกินมากเกินไป คนอื่น ๆจากดื่มจัด ขณะที่คนอื่นๆบางคน
เพียงแต่ร่วงโรยและตายไปเนื่องจากพวกเขาไม่มีอะไรอีกแล้วที่จะต้องกระทำ.

r_icon.jpg (718  bytes) ท่านได้เปรียบมหาศาลต่อคนที่กล่าวร้ายต่อท่าน หรือกระทำต่อท่าน
ด้วยความไม่เป็นธรรม ท่านได้เปรียบ ประการนี้ภายในอำนาจของท่าน
ในการที่จะ " ให้อภัย " แก่คนผู้นั้น.

r_icon.jpg (718  bytes) บางคนจะประสบคาวมสำเร็จก็ต่อเมื่อมีคนบางคนหนุนหลังและคอยให้
กำลังใจอยู่เสมอแต่คนบางคนประสบความสำเร็จแม้จะหมดอาลัยตายอยาก.

r_icon.jpg (718  bytes) ท่านไม่ต้องกลัวว่าจะต้องแข่งขันกับคนที่พูดว่า " ฉันไม่ได้ถูกจ้างมาเพื่อทำสิ่งนี้
และฉันจะไม่ทำมัน "เขาจะไม่มีวันเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวในงานของท่าน แต่จงระวัง
ให้ดีกับคนที่ยังอยู่ในที่ทำงานหลังเลิกงาน และยังคงทำงานต่ออีกหน่อยเกินหน้าที่
ที่เขาจะต้องทำ เพราะเขาอาจจะ ท้าทายที่จะเดิมพันเอาตำแหน่งกับท่าน แล้วผ่าน
ท่านไปสู่ฐานะที่สูงส่ง.

r_icon.jpg (718  bytes) จนกว่าท่านจะได้มีความใจกว้างต่อคนที่มักจะมีความคิดเห็นไม่ตรงกับท่าน
จนกว่าท่านจะได้มีนิสัยพูดด้วยความกรุณาต่อคนที่ท่านไม่ชื่นชอบจนกว่าท่าน
จะได้สร้างนิสัยที่จะมองหาความดีแทนที่จะเป็นความชั่วในคนอื่น ๆท่านจะยัง
ไม่อาจได้รับความสำเร็จหรือแม้แต่ความสุข.

r_icon.jpg (718  bytes) ตำแหน่งของท่านมิได้เป็นสิ่งใด นอกเหนือนจากโอกาสที่ท่านจะได้แสดง
ชนิดของความสามารถที่ท่านมีอยู่ ท่านจะได้จากมันเท่าที่ท่านได้ให้ไปเท่านั้น
ซึ่งไม่มากหรือน้อยกว่าแต่อย่างใด ตำแหน่งใหญ่โตจะเป็นก็แต่ผลรวมของ
ตำแหน่งเล็ก ๆ ที่ทำได้ดีนั่นเอง.

r_icon.jpg (718  bytes) เมื่อวานเป็นเพียงแต่ความฝัน ส่วนพรุ่งนี้ก็เป็นเพียงมโนภาพ แต่ชีวิตที่ดี
ของวันนี้จะทำให้ทุก ๆ วานนี้เป็นความฝันอันแสนสุขและทุก ๆ พรุ่งนี้เป็น
มโนภาพแห่งความฝัน ด้วยเหตุนี้เองจงดูแลวันนี้ให้ดีไว้.

r_icon.jpg (718  bytes) มันเป็นการดีกว่า ที่จะอยู่ฝ่ายคนส่วนน้อยที่ทำถูกในเมื่อคนส่วนใหญ่ทำผิด
เนื่องจากว่าฝ่ายถูกมักจะชนะเสมอในตอนจบ.

r_icon.jpg (718  bytes) อย่าได้ต่อสู้เพื่อขจัดความเจ็บปวดและความสงสัยในเสียงแว่วของความสุข
เพราะสันติสุขที่ท่านค้นหาอย่างสุดฤทธิ์จากภายนอกนั้น จะหาพบก็แต่ภายใน
เท่านั้นเอง.

r_icon.jpg (718  bytes) ความกรุณาเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่นั้นบ้างที่นี้บ้างเป็นแค่เพียงงานอดิเรกง่าย ๆ
แต่ถ้าชีวิตของท่านได้หว่านมันลงไปอย่างไม่ต้องการ สิ่งตอบแทน
พืชผลแห่งความสุขอันดกดื่นของท่านจะเป็นอะไรไปได้เล่า?.