จดหมายจาก ท่านผู้หญิงพูนศุข พนมยงค์



ลองดูจดหมาย 2 ฉบับ นี้ จริงเท็จประการใดไม่อยากให้ความเห็น ทุกคนมีปัญญาคิดได้เอง อยากให้มีการเปิดเผยเอกสารท่านปรีดี ที่ฝรั่งเศสจัง อยากรู้อะไรดีๆ มากกว่านี้

ยังมีญาติของ 3 คนนี้่อีก ที่จอมพล ป เคยจ่ายเงินเลี้ยงดู อีกคนทำงานที่ รร. ภปร. ราชวิทยาลัย อีกคนทำงานอยู่ห้องเครื่อง (ครัว) ในวัง ถ้าคนเหล่านี้เป็นญาติของฆาตรกรฆ่าในหลวง ร 8 จริง ไม่ใช่แพะ จะได้ทำงานอย่างนั้นไหม ใครจะกล้าจ้างล่ะ



ท่านผู้หญิงพูนศุข พนมยงค์
ระลึกถึง คุณชูเชื้อ (วลี) สิงหเสนี

ข้าพเจ้าจำได้ว่าพบคุณชูเชื้อ สิงหเสนี ครั้งแรกในห้องพิจารณาคดีที่ศาลอาญา เมื่อ พ.ศ.2491 ในการพิจารณาคดีสวรรคตสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ซึ่งคุณชิต สิงหเสนี เป็นมหาดเล็กห้องพระบรรทม ในหลวงรัชกาลที่ 8

คุณชิต สามีคุณชูเชื้อ ตกเป็นผู้ต้องหาปลงพระชนม์ร่วมกับคุณเฉลียว ปทุมรส อดีตราชเลขานุการในพระองค์ฯ และคุณบุศย์ ปัทมศริน หมาดเล็กห้องพระบรรทม

ข้าพเจ้านั่งแถวหน้าบัลลังก์พิจารณาคดี สังเกตุเห็นผู้ต้องหาทั้งสามอยู่ในความสงบ สุขุม และไม่ประหวั่นพรั่นพรึง เพราะเชื่อในความบริสุทธิ์ของตน เชื่อในความยุติธรรมของศาลทั้งๆที่อัยการฝ่ายโจทก์ สร้างหลักฐานเท็จ ใส่ร้ายกล่าวโทษ

การพิจารณาคดีสวรรคต ได้ยืดเยื้อมาอีกหลายปี ในช่วงนั้นข้าพเจ้าเองก็ถูกมรสุมการเมืองรุมกระหน่ำ ถูกจับกุมในคดี"กบฏสันติภาพ" ด้วยข้อกล่าวหา "กบฏภายใน และภายนอกราชอาณาจักร" เมื่อได้รับอิสรภาพหลังจากถูกคุมขังเป็นเวลา 84 วันแล้วข้าพเจ้าก็ได้เดินทางไปต่างประเทศเพื่อร่วมทุกข์ และเป็นกำลังใจให้นายปรีดี พนมยงค์ สามีของข้าพเจ้า ซึ่งลี้ภัยการเมืองในประเทศจีน

นายปรีดี กับข้าพเจ้าติดตามข่าวการพิจารณาคดีสวรรคตอยู่เสมอ นายปรีดีเชื่อในความบริสุทธิ์ของคุณเฉลียว คุณชิต และคุณบุศย์ เช่นเดียวกับเชื่อในความบริสุทธิ์ของตน ที่มิได้มีส่วนพัวพันในคดีสวรรคต ส่งใจช่วย และภาวนาขอให้ผู้บริสุทธิ์ทั้งสาม ได้รับอิสรภาพโดยเร็ววัน

แต่แล้วเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2497 ศาลฏีกาได้พิพากษาลงโทษให้ประหารชีวิตจำเลยทั้งสามคน ซึ่งต่อมาในวันที่ 5 พฤศจิกายน 2497 จำเลยทั้งสาม ได้ทำหนังสือทูลเกล้าฯ ถวายฏีกาขอพระราชทานอภัยโทษแต่ฏีกาได้ตกไปในที่สุด

นายปรีดี กับข้าพเจ้าตกใจยิ่งกับข่าวการประหารชีวิตของผู้บริสุทธิ์ทั้งสาม ในเช้ามืดวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2498

นายปรีดีกับข้าพเจ้ารู้สึกเศร้าเสียใจเป็นอย่างมาก เห็นใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวเหยื่อความอยุติธรรมทั้งสาม ที่ประสพความสูญเสียอย่างใหญ่หลวงและขาดเสาหลักของครอบครัว

คุณชูเชื้อ สิงหเสนี เป็นภรรยาที่เข้มแข็ง เป็นกำลังใจให้สามี ในขณะถูกจองจำเป็นเวลากว่า 7 ปี เป็นมารดาที่ประเสริฐ แบกรับหน้าที่เป็นทั้งพ่อและแม่ในการดูแลลูกๆทั้ง 6 คน

หลังจากที่ ข้าพเจ้ากลับมาอยู่เมืองไทยเป็นการถาวรแล้ว ทุกวันขึ้นปีใหม่ข้าพเจ้าจะมีกระถางกล้วยไม้ ประดับข้างบันไดขึ้นบ้านซึ่งเป็นของขวัญปีใหม่จากคุณชูเชื้อ นำความชื่นใจมาสู่ข้าพเจ้าและผู้พบเห็น

2-3 ปีมานี้ข้าพเจ้าไม่ได้พบคุณชูเชื้อ ทราบว่าสุขภาพของเธอไม่ค่อยแข็งแรงนักและแล้วคุณชูเชื้อก็ได้ลาจากโลกนี้ไป ตามกฏวัฏสังขาร ยังความเสียใจสู่ลูกหลาน และญาติมิตร

ขอให้กรรมดีนานาประการจงนำคุณชูเชื้อ สิงหเสนี ไปสู่สุขคติในสัมปรายภพทุกเมื่อเทอญ

ข้าพเจ้าเชื่อกฏแห่งกรรมในพุทธศาสนา บรรดาผู้ที่สร้างหลักฐานเท็จ พยานเท็จ ในกรณีสวรรคต มาบัดนี้ ลูกหลานของเขาต้องรับกรรมและชดใช้กรรม รวมทั้งกรรมใหม่ที่ก่อขึ้นเอง ต่างกรรม ต่างวาระ ดังนั้นจึงเป็นที่สังวรแก่ทุกผู้ ทุกคนว่า จงทำจิตใจให้บริสุทธิ์ผ่องแผ้ว ทำความดีผดุงไว้ซึ่งความยุติธรรมและความถูกต้อง


สัจจะ เป็นอมตะ
ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย
ประวัติศาสตร์ ย่อมให้ความกระจ่างในที่สุด

(ท่าน ผู้หญิงพูนศุข พนมยงค์)
9 มกราคม 2549



ขณะที่นายตี๋ ศรีสุวรรณ อายุ 102 ปี ในปี พ.ศ. 2522 ได้สำนึกในกรรมที่ได้ทำไว้ในกรณีสวรรคตของรัชกาลที่ 8 โดยรับจ้างเป็นพยานเท็จ จนทำให้ผู้บริสุทธิ์ 3 คนต้องถูกประหารชีวิต และทำให้ท่านปรีดี กับร้อยเอกวัชระชัย ต้องระทมขมขื่น นายตี๋ ศรีสุวรรณ จึงได้ให้ลูกเขยเขียน จดหมายไปขอขมาท่านปรีดี ซึ่งขณะนั้นพำนักอยู่ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ดังสำเนาจดหมายต่อไปนี้

บ้านเลขที่ 2386 ถนนพหลโยธิน
กรุงเทพฯ
25 มกราคม 2522
เรียน นายปรีดี ที่นับถือ

นายตี๋ ศรีสุวรรณ เป็นพ่อตาของผม ขอให้ผมเขียนจดหมายถึงท่าน นายตี๋เขียนจดหมายไม่ได้ เมื่อครั้งไปให้การที่ศาลก็ได้เขียนแต่ชื่อตัว ต. และพิมพ์มือเท่านั้น นายตี๋จึงให้ผมซึ่งเป็นบุตรเขยเขียนตามคำบอกเล่าของนายตี๋ เพื่อขอขมาลาโทษต่อท่าน นายตี๋ได้ให้การต่อศาลว่า นายปรีดี นายวัชรชัย นายเฉลียว นายชิต นายบุศย์ ไปที่บ้านพระยาศรยุทธ ข้างวัดชนะสงคราม เพื่อปรึกษารอบปลงพระชนม์ในหลวงรัชกาลที่ 8 แต่ไม่เป็นความจริง นายตี๋เอาความไม่จริงมาให้การต่อศาล เพราะพระพินิจได้เกลี้ยกล่อมว่า จะให้เงินเลี้ยงนายตี๋ไปจนตาย เมื่อให้การแล้วพระพินิจให้เงินนายตี๋ 500-600 บาท และให้นายตี๋กินอยู่หลับนอนที่สันติบาลประมาณ 2 ปีเศษ เดิมพระพินิจบอกว่าจะให้สองหมืนบาท เมื่อเสร็จคดีแล้วพระพินิจก็ไม่จ่ายให้อีกตามที่รับปากไว้ เวลานี้นายตี๋รู้สึกเสียใจมากที่ทำให้ 3 คนตาย และนายปรีดีกับนายวัชรชัยที่บริสุทธ์ต้องถูกกล่าวหาด้วย นายตี๋ได้ทำบุญกรวดน้ำ ให้กับผู้ตายเสมอมา แต่ก็ยังเสียใจไม่หาย เดี๋ยวนี้ก็มีอายุมากแล้ว อีกไม่ช้าก็ตาย จึงขอขมาลาโทษนายปรีดี นายวัชรชัย นายเฉลียว นายชิต นายบุศย์ ที่นายตี๋เอาความเท็จมาให้การปรักปรำ ขอได้โปรดให้ขมาต่อนายตี๋ด้วย

ข้อความทั้งหมดนี้ ผมได้อ่านให้นายตี๋ฟังต่อหน้าคนหลายคนในวันนี้ เวลาประมาณ 11 น.เศษ และได้ให้นายตี๋พิมพ์ลายนิ้วมือนายตี๋ ต่อหน้าผมและคนฟังด้วย


ขอแสดงความนับถือ
เลื่อน ศิริอัมพร

ต. (พิมพ์ลายนิ้วมือนายตี๋)

Source: sameskybooks.org


Related Post
*ข้อคิด จากพิธีเผาศพ ท่านผู้หญิงพูนศุข พนมยงค์

*พูนศุข พนมยงค์ สตรีผู้ไม่ขอรับเกียรติใด ๆ ทั้งสิ้น